Juggernaut

Juggernaut




สกิล

Blade fury (F)
หมุนตัวเข้าโจมตเป้ามหย ทำให้สร้างความเสียหายรอบตัว 250 AoE ในระหว่างใช้งานสามารถเคลื่อนที่ได้ และป้องกันการโจมตีด้วยสกิลต่างๆ ชั่วขณ แสดงผล 5 วินาที
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 80 ต่อวินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 100 ต่อวินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 120 ต่อวินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 140 ต่อวินาที
Mana Cost : 110 Cooldown : 30/28/26/24

Healing Ward (G)
ปักเสาฟื้นฟู HP ขึ้นทำให้ช่วยฟื้นฟู HP ของฝ่ายเดียวกันในระยะ 400 AoE ตัวเสาสามารถเคลื่อนที่ได้ แสดงผล 25 วินาที
Lv.1 - ฟื้นฟู HP 3% ต่อวินาที
Lv.2 - ฟื้นฟู HP 4% ต่อวินาที
Lv.3 - ฟื้นฟู HP 5% ต่อวินาที
Lv.4 - ฟื้นฟู HP 6% ต่อวินาที
Mana Cost : 80/100/120/140 Cooldown : 60 วินาที

Blade Dance (Passive)
เมื่อโจมตีธรรมดาจะมีโอกาสโจมตีซ้อน 2 ครั้ง
Lv.1 - โอกาสติด 15%
Lv.2 - โอกาสติด 20%
Lv.3 - โอกาสติด 25%
Lv.4 - โอกาสติด 30%

Omnislash (E)
กระโดดเข้าโจมตีศัตรูในระยะแบบสุ่มอย่างต่อเนื่องในระยะ 450 AoE
Lv.1 - โจมตี 3 ครั้ง
Lv.2 - โจมตี 6 ครั้ง
Lv.3 - โจมตี 9 ครั้ง
Mana Cost : 200/275/350 Cooldown : 130/120/110 วินาที
การออก  Aghanim's Scepter จะช่วยเพิ่มจำนวนครั้งในการโจมตีของสกิล Omnislash เป็น 6/9/12 และลด Cooldown ของสกิลลงเหลือ 90 วินาที


หน้าที่ของฮีโร่
หน้าที่ของฮีโร่ตัวนี้คือการกดดันคู่ต่อสู้ตามเลนหรือไม่ก็เดิน Gank กับเพื่อน ต้องขอบอกเลยว่า Juggernaut เป็นฮีโร่ที่มีสกิลในช่วงแรกที่แรงมากๆ ยิ่งถ้าเราคอมโบร่วมกับเพื่อนแล้วล่ะก็แค่สกิลเดียวก็สามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วงต้นเกมหน้าที่หลักๆคือต้องพยายามไล่ Gank ในเลนของตนเองเรื่อยๆ เพื่อคอยเก็บ kill ฟาร์มเงินออกของแรงๆให้ได้


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     ในกรณีที่เราโดนกด ส่วนใหญ่จะเป็นฮีโร่ที่มีระยะโจมตีไกลจนเราเข้าถึงตัวได้ยาก หรือไม่ก็เป็นฮีโร่สาย Int ที่ค่อนข้างจะรักษาระยะจนทำให้เราเข้าปะทะได้ยากมาก ช่วงแรกจะต้องออกไอเท็มอย่าง Magic Wand กับ Ancient Tango of Essifation มาก่อนเพื่อให้ยืนเก็บเลเวลได้ จากนั้นพยายามออก Boots of Speed ให้ได้เพราะเราจำเป็นต้องเข้าประชิดเพื่อออกสกิล

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     การออกไอเท็มที่น่าใช้สำหรับ Juggernaut น่าจะหนีไม่พ้น Battle fury ส่วนไอเท็มชิ้นต่อไปอาจจะเป็น Sange and Yasha เพิ่มความเร็วในการเข้าทำ หลังจากนั้นสามารถออก Monkey King bar หรือที่ดีที่สุด  The Butterfly และหากต้องการความลื่อไหลในการต่อสู้สามารถออก Helm of Dominator ส่วนรองเท้าที่น่าจะให้ดีต้องออกเป็น Phase Boots จะทำให้จังหวะเข้าทำหรือจังหวะหนีดีขึ้น และเพื่อทำให้ท่าไม้ตายของเราแรงขึ้นสามารถออก Aghanim's Scepter ก็ได้


การอัพสกิล
     แนวทางการเล่นเหมาะกับการเน้นเข้าทำคู่ต่อสู้ตั้งแต่ช่วงแรกครับซึ่งสายนี้จะเน้นใช้ความสามารถของสกิล Blade Fury ในการไล่ฆ่าอีกฝ่ายเป็นหลัก ซึ่งการอัพสลับกับค่า Stat จะช่วยให้ค่า Mana เยอะขึ้น พอที่จะปั่นได้บ่อยขึ้น


เทคนิคการเล่น
     Juggernaut ในช่วงต้นเกมจัดเป็นฮีโร่ที่มีสกิลแรงมากครับ ซึ่งถ้าฝึกฝนจนคล่องแล้วสามารถรู้ผลแพ้ชนะได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยทีเดียว การหาจังหวะเข้าทำหรือการคอมโบกับเพื่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในช่วงต้นเกม และยิ่งหลังเลเวล 6 เราแทบจะสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ด้วยตัวเองเลยครับ ด้วยคอมโบ Blade Fury แล้วตามด้วย Omnislash หากจังหวะดีๆไม่มีครีปมาแชร์ดาเมจจากสกิลแล้วล่ะก็ไม่ว่าตัวไหนก็โดนชุดเดียวตายแน่นอนครับแต่ถึงอย่างนั้นการเข้าถึงระยะที่เราจะโจมตีด้วยสกิล Blade Fury อาจจะไม่ง่ายนักเพราะแค่เราขยับเข้าหา คู่ต่อสู้ก็อาจจะถอยเพื่อรักษาระยะจึงอาจจะต้องอาศัยการดูจังหวะในการเข้าทำหรืออาจจะอาศัยการออกจากป่าขณะที่คู่ต่อสู้เผลอ และในช่วงที่เราคอมโบกับเพื่อน สกิล Healing Ward ของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับทีม เพราะผลฟื้นฟูเลือดของสกิลค่อนข้างแรงมาก


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     อาจจะดูเป็นเหมือนฮีโร่ที่ค่อนข้างเปราะบาง แต่ด้วยสกิลที่มีความแรงค่อนข้างมากอย่างสกิล Blade Fury หากเราออกไอเท็มที่เสริมความถึกขึ้นมาด้วยแล้วล่ะก็ คู่ต่อสู้คงไม่คิดที่จะยืนบวกกับเราแน่ๆ เพราะส่วนมากในจังหวะบวกกันหากเราใช้สกิลนี้เข้าไปมักจะเป็นเป้าให้ศัตรูโจมตีเสมอ แตหากเราสามารถยืนได้นานในจังหวะปะทะ เพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมใช้สกิลโจมตีศัตรูได้อย่างเนียนๆจะช่วยให้ทีมได้เปรียบขึ้นเยอะ

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     สำหรับฮีโร่ตัวนี้แล้วดาเมจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยครับเพราะสกิลไม้ตายอย่าง OmniSlash เป็นสกิลที่มีความแรงพื้นฐานมาจากดาเมจหลักของเรา ยิ่งมีไอเท็มดีๆโหดๆ ท่าไม้ตายของเราก็จะยิ่งหนักขึ้น ไหนจะสามารถคอมโบกับสกิลอื่นที่มีอยู่ เรียกได้ว่าฮีโร่เลือดน้อยๆสามารถเก็บได้สบายเลยล่ะครับ

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ฮีโร่ตัวนี้มีสกิลที่สามารถช่วยทีมได้มากเช่นกัน โดยเฉพาะสกิล Healing Ward ที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้ยูนิตฝ่ายเราทุกตัวที่อยู่ในระยะสกิล เรียกได้ว่าช่วยให้เพื่อนร่วมทีมได้เปรียบมากๆในจังหวะการปะทะกับคู่ต่อสู้ ถึงอาจจะเปลืองมานาค่อนข้างมาก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆสำหรับสายซัพพอร์ท