Moon Rider

Moon Rider




สกิล

Lucent Beam (C)
ใช้พลังแห่งแสงจันทร์โจมตีเป้าหมาย ทำให้ได้รับดาเมจรุนแรงและติดมินิสตั้นชั่วขณะ
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 75 หน่วยและติดมินิสตั้น 0.6 วินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 150 หน่วยและติดมินิสตั้น 0.6 วินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 225 หน่วยและติดมินิสตั้น 0.6 วินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 300 หน่วยและติดมินิสตั้น 0.6 วินาที
Mana Cost : 90/100/110/120 Cooldown : 6 วินาที

Moon Glaive (Passive)
ทำให้กงจักรของ Moon Rider สามารถชิ่งไปยังเป้าหมายใกล้เคียงทำให้สามารถโจมตีศัตรูหลายๆตัวพร้อมกันในการโจมตีครั้งเดียว การชิ่งแต่ละครั้งจะทำความเสียหายแค่ 35%
Lv.1 - โจมตี 2 เป้าหมายทุกครั้งที่โจม
Lv.1 - โจมตี 3 เป้าหมายทุกครั้งที่โจม
Lv.1 - โจมตี 4 เป้าหมายทุกครั้งที่โจม
Lv.1 - โจมตี 5 เป้าหมายทุกครั้งที่โจม

Luna Blessing (Passive)
เพิ่มดาเมจให้กับฮีโร่ในทีมและเพิ่มระยะการมองเห็นในเวลากลางคืนให้กับฮีโร่
Lv.1 - เพิ่ม 14 ดาเมจ และระยะมองเห็นในเวลากลางคืน
Lv.2 - เพิ่ม 20 ดาเมจ และระยะมองเห็นในเวลากลางคืน
Lv.3 - เพิ่ม 26 ดาเมจ และระยะมองเห็นในเวลากลางคืน
Lv.4 - เพิ่ม 32 ดาเมจ และระยะมองเห็นในเวลากลางคืน

Eclipse (E)
เรียงพลังแห่งแสงจันทร์จำนวนมากลงมาโจมตีศัตรูที่อยู่รอบตัวแบบสุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พลังโจมตีแต่ละครั้งจะเท่ากับระดับเลเวลของสกิล Lucent Beam
Lv.1 - โจมตีแบบสุ่ม 4 ครั้งด้วยสกิล Lucent Beam แต่ละเป้าหมายจะโดนพลังของสกิลเพียง 4 ครั้ง
Lv.2 - โจมตีแบบสุ่ม 7 ครั้งด้วยสกิล Lucent Beam แต่ละเป้าหมายจะโดนพลังของสกิลเพียง 4 ครั้ง
Lv.3 - โจมตีแบบสุ่ม 10 ครั้งด้วยสกิล Lucent Beam แต่ละเป้าหมายจะโดนพลังของสกิลเพียง 4 ครั้ง
Mana Cost : 150/200/250 Cooldown : 160/150/140 วินาที

หน้าที่ของฮีโร่
     Moon Rider เป็นฮีโร่ที่มีสกิลรุนแรงมากตั้งแต่ช่วงหลังเลเวล 6 เป็นต้นไป สามารถเดิน Gank กับทีมหรือฟาร์มตาเลน และด้วยสกิลไม้ตายที่รุนแรง ทำให้ศัตรูมีความเสี่ยงสูง ถ้าเลือกที่จะเดิน Gank เรา เพราะมีโอกาสสูงที่จะโดนส่งกลับน้ำพุด้วยสกิล Eclipse หรือหากเลือกสกิลที่จะฟาร์มตามเลนฮีโร่เราก็มีสกิล Lunar Blessing เพิ่มดาเมจและสกิล Moon Glaive ช่วยเคลียครีป ทำให้ Moon Rider เป็นฮีโร่ที่ฟาร์มเร็วมากๆอีกตัวหนึ่ง

การออกไอเท้มในกรณีที่โดนกด
     Moon Rider เป็นฮีโร่ที่มีพลังชีวิตที่น้อยมากๆ ยิ่งถ้าโดนสกิลแรงๆแค่ซักสองทีเลือดก็แทบจะหมดหลอดแล้วในช่วงแรกจึงทำให้เราเก็บเลเวลค่อนข้างยากไหนจะระยะโจมตีที่ไม่ไกลมาก จึงเป็นฮีโร่ที่โดนกดง่ายพอสมควร ในกรณีที่โดนกดช่วงแรงให้ออกไอเท็ม Magic Wand จากนั้นให้เลือกออกระหว่าง Phase Boots เพื่อให้เข้าระยะปะทะได้เร็วขึ้น หรือ Power Treads เพื่อความเร็วในการโจมตีเป้าหมาย

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ในช่วงกลางๆเกมที่สกิลเราค่อนข้างครบ Moon Rider เป็นฮีโร่ที่เคลียครีปเร็วมากๆ หากในช่วงต้นเกมไม่โดนกดมากจนเกินไปตอนนี้จะถึงเวลาที่เราจะเลือกแนวทางการออกไอเท็มได้เลยครับ  ชิ้นแรกหากออกได้ขอแนะนำ Vanguard มาก่อนเลย ด้วยสกิล Eclipse ที่จะหยุดผลของสกิลทันทีที่ตัวเราตาย เพราะฉะนั้นหากเพิ่มเลือดขึ้นมาอีกนิด ด้วยสกิลที่รุนแรงของเราจะทำให้มีบทบาทกับรูปเกมมากขึ้น หลังจากนั้นให้ออก Yasha เพื่อที่จะทำเป็น Manta Style เพิ่มความไหลลื่นของการสู้ด้วย Helm of the Dominator ตบท้ายด้วย Monkey King Bar กับ The Butterfly เป็นอันจบ ถ้าของครบเทานี้แม้แต่ Tower ยังแตกภายในไม่กี่วิเลยครับ

การอัพสกิล
     แนวทางแรกเน้นอัพสกิล Lunar Blessing เพื่อเพิ่มดาเมจ เหมาะกับการLast Shot & Deny ครีปในช่วงแรก ซึ่งจะทำให้ง่ายมากขึ้นครับทั้งนี้ก็เพื่อครีปจะไม่ดันขึ้นไปสุงมากจนคุ่ต่อสู้ดัก Gank ได้ ที่สำคัญสายนี้จะจะมีความหนักหน่วงทั้งเรื่องของสกิลและการโจมตีปกติ

เทคนิคการเล่น
     Moon Rider เป็นฮีโร่ที่ต้องใช้จังหวะการเข้าทำมากๆ โดยเฉพาะการใช้สกิล Eclipse ในการคอมโบกับทีม เพราะหากเราใช้สกิลในขณะที่ยังมีครีปของฝ่ายตรงข้ามอยู่เยอะ โอกาสที่ครีปจะแชร์ดาเมจจากสกิลของเราก็มีอยู่สูงเช่นกัน แต่หากเราใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่นตอนที่ครีปไม่มี สกิล Eclipse ของเราจะส่งคู่ต่อสู้กลับไปเกิดอย่างน้อยก็ตัวสองตัวเลยทีเดียว

TANKER : เมื่อต้องชน!!
     หลายๆคนอาจเคยเห็นมาบ้างแล้ว ถือว่าเป้นทางเลือกอีกทางที่น่าสนใจมากๆ สำหรับฮีโร่ตัวนี้เพราะด้วยสกิลส่วนใหญ่ที่สามารถโจมตียูนิตศัตรูใกล้เคียงได้พร้อมๆกัน และยิ่งยืนได้นานจะสร้างความได้เปรียบขึ้นอีกมากเพราะสกิลส่วนใหญ่จะสร้างความเสียหายกับศัตรู ส่วนใหญ่จะมาจากสกิลของเรา ยิ่งยืนได้นานโอกาสที่จะใช้สกิล Eclipse ให้เกิดผลจะยิ่งมีมากขึ้น

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     เป็นฮีโร่อีกตัวที่หากมีไอเท้มทำดามเจดีๆจะโหดมากๆ ด้วยสกิลส่วนใหญ่ที่มีทั้งเป็สกิลโจมตีและสกิลเสริมคามสามารถในกาโจมตีอย่างเช่น Moon Glaive ซึ่งช่วยให้เราโจมตีชิ่งไปยังยูนิตศัตรูด้วยสกิลนี้จะช่วยให้เราโจมตีศัตรูทั้งกลุ่มได้พร้อมๆกัน อีกทั้งยังช่วยให้การดันเลนหรือการฟาร์มได้ดีมากๆ ฮีโร่ตัวนี้จึงสามารถหาไอเท็มโหดๆได้ไม่ยากนัก

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     สำหรับการซัพพอร์ททีมนั้นเราก็สามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม ด้วยสกิล Lunar Blessing ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้กับยูนิตพันธมิตรและช่วยเพิ่มระยะการมองในช่วงกลางคืนให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดีพอสมควรเลยล่ะครับ

Holy Knight

Holy Knight




สกิล

Penitence (E)
ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเป้าหมายลดลง และได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีรุนแรงขึ้น เป็นเวลา 7 วินาที
Lv.1 - ลดความเร็วเคลื่อนที่ 8% ทำให้ได้รับความเสียหายมากขึ้น 7%
Lv.2 - ลดความเร็วเคลื่อนที่ 8% ทำให้ได้รับความเสียหายมากขึ้น 14%
Lv.3 - ลดความเร็วเคลื่อนที่ 8% ทำให้ได้รับความเสียหายมากขึ้น 21%
Lv.4 - ลดความเร็วเคลื่อนที่ 8% ทำให้ได้รับความเสียหายมากขึ้น 28%
Mana Cost : 100 Cooldown : 14 วินาที่

Test of Faith (T)
โจมตีเป้าหมายแบบสุ่มวามรุนแรงตามเลเวลของสกิล ถ้าใช้ใส่ฮีโร่ฝ่ายเดียวกันจะสามารถส่งกลับฐานได้
Lv.1 - 50-100 ดาเมจ
Lv.2 - 100-200 ดาเมจ
Lv.3 - 150-300 ดาเมจ
Lv.4 - 200-400 ดาเมจ
Mana Cost : 175 Cooldown : 24 วินาที

Holy Persuasion (R)
จับยูนิตครีปต่างๆมาควบคุมได้และเพิ่มมค่า Max HP ให้ตามเลเวลสกิล
Lv.1 - ควบคุมยูนิตได้ 1 ตัว เพิ่ม Max HP 75 หน่วย
Lv.2 - ควบคุมยูนิตได้ 1 ตัว เพิ่ม Max HP 150 หน่วย
Lv.3 - ควบคุมยูนิตได้ 2 ตัว เพิ่ม Max HP 225 หน่วย
Lv.4 - ควบคุมยูนิตได้ 3 ตัว เพิ่ม Max HP 300 หน่วย
Mana Cost : 100 Cooldown : 30/26/22/18 วินาที

Hand of God (D)
ฟื้นฟูค่า HP ให้ยูนิตฝ่ายเดียวกันทั้งหมดที่อยู่ในแผนที่
Lv.1 - ฟื้นฟู HP 200 หน่วย
Lv.2 - ฟื้นฟู HP 300 หน่วย
Lv.3 - ฟื้นฟู HP 400 หน่วย
Mana Cost :200/300/400 Cooldown : 120 วินาที


หน้าที่ของฮีโร่
     หน้าที่ของ Holy Knight นั้นสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ สามารถเลือกที่จะฟาร์มครีปป่าได้ตั้งแต่เลเวลแรกๆ หรือเลือกที่จะกดดันศัตรูในเลนก็ได้ เป็นฮีโร่ที่มีความเก่งกาจมากอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีทั้งสกิลสร้างดาเมจได้อย่างรุนแรง สกิลที่สามารถจับเอาครีปต่างๆมาเป็นพวก หรือสกิลที่สามรถฟื้นฟู HP ของเพื่อนร่วมทีมทั้งแมพ

การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     หากโดนฝั่งตรงข้ามกดไอเท็มที่เราสมควรจะออกก็ขอแนะนำ Magic Wand เพราะช่วยได้มากๆ ยิ่งถ้าคู่ต่อสู้เป็นประเภทใช้สกิลบ่อยๆ แล้วล่ะก็จะดีมากๆเลยครับ ส่วนไอเท็มชิ้นต่อไปให้พยายามออก Headdress of Rejuvenation เพราะราคาไม่แพงนักและช่วยให้เราอยู่ในเลนได้สบายขึ้น

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท็มที่แนะนำสำหรับฮีโร่ตัวนี้เป็นอันดับแรกคือ Dragon เพราะจะช่วยคอมโบกับสกิล Penitence ได้ดีทีเดียว หลังจากนั้นออก Guinsoo's Scrythe of Vyse ก็จะช่วยทีมได้เยอะทีเดียว สามารถออก Mekansm เพื่อช่วยซัพพอร์ททีมขณะคอมโบได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นออก Eye of Skadi ได้จะแกร่งขึ้นมากๆ สุดท้ายออก Aghanim's Scepter ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางนึงครับ

การอัพสกิล
     เน้นการอัพสกิล Holy Persuasion มาก่อนเพื่อจับครีปป่ามาใช้งานการอัพรูปแบบนี้เราสามารถฟาร์มป่าได้ตั้งแต่ต้นเกมโดยที่ไม่ต้องไปแชรเลเวลกับเพื่อนที่อยู่ในเลน

เทคนิคการเล่น
     ในช่วงต้นเกมเราอาจจะถือว่าเป็นฮีโร่ Int ที่มีเลือดค่อนข้างน้อย แต่เราก็มีสกิลที่รุนแรงที่สามารถทำดาเมจให้กับศัตรูได้อย่างสกิล Test of Faith หรือสกิลที่ช่วยสโลเป้าหมายและทำให้เป้าหมายโดนโจมตีแรงขึ้น เช่น Penitence  อีกทั้งสามารถใช้สกิล Holy Persuasion จับครีปป่ามาเพื่อเป็นตัวชนหรือตัวทำดาเมจได้อีก และในเวลาที่เราหรือเพื่อนใกล้ตายก็ยังมีสกิล Hand of God ซึ่งจะช่วยฮีลยูนิตฝ่ายเราทุกตัวทั่วทั้งแมพ ถือว่าเป็นฮีโร่ที่ครบเครื่องจริงๆ

TANKER : เมื่อต้องชน!!
     มันสามารถเป็นได้ทั้งตัวที่จะเข้าไปรับการโจมตี และตัวใช้สกิลเปิดสร้างจังหวะให้กับทีมได้ แต่นั่นต้องขึ้นอยู่กับการเล่นโดยใช้สกิล Holy Persuasion สกิลนี้จะใช้จับพวกครีปป่าออกมาเล่นได้ และจะช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้พวกมันด้วย หากเราเลือกพวกที่มีสกิลสตั้นออกมาติดตัวไว้หลายๆตัวหน่อย เท่านี้ก็สามารถเข้าไปลุยหรือเข้าไปคอมโบสตั้นเปิดให้กับทีมได้แล้วและหากบังคับดีๆเราอาจจะไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแต่เน้นการควบคุมครีปเข้าไปลุยแทนแล้วตัวเราเองก็หาจังหวะยิงฆ่าก็ไได้

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     นอกจากจับ Holy Persuasioin มาช่วยโจมตีหรือไล่ฆ่าศัตรูแล้ว มันก็จะมีสกิลคอมโบอีกชุดหนึ่งที่เอาไว้ช่วยสร้างความเสียหายนั่นคือสกิลจะเป็นการโจมตีแบบสุ่มความเสียหายหากดวงดีก็อาจทำความเสียหายได้สูงมาก แต่ถ้าหากดวงไม่ดีก็คงเบาจนไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นเราจึงต้องออกไอเท็มอื่นเข้ามาเสริมการโจมตีและเน้นสกิลยิงเช่น Dragon หรือที่ใกล้ตัวก็คือคอมโบสกิล Penitence มันจะช่วยลดความเร็วในการเคลื่อนที่และทำให้เป้าหมายได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้นได้

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     เริ่มจากสกิล Penitence ถือเป็นสกิลสนับสนุนในการฆ่าได้อย่างดี เพราะมันจะให้เป้าหมายได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้นแบบเปอร์เซ็น ต่อมาที่เป็นสกิลหลักของมันเลยคือไม้ตาย Hand of God สกิลนี้คือการฮีลแบบกลุ่ม ซึ่งการฮีลของมั้นนั้นสามารถแสดงผลแบบทั้วทั้งแมพหมายความว่าเราสามารถกดใช้สกิลนี้ให้กับเพื่อนได้ตลอดเวลาที่เราต้องการแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ๆก็ตาม อีกแนวการเล่นคือการจับเอาครีปป่าที่มีสกิลสตั้นหรือสกิลเพิ่มค่าพลังต่างๆออกมาช่วยก็ได้เหมือนกัน

Lone Druid

Lone Druid




สกิล

Summon Spirit Bear (B)
เรียกซัมมอนหมีออกมาใช้งาน เมื่อเลเวลของสกิลสูงขึ้น ความสามารถของหมีจะสูงขึ้นตามเลเวลของสกิล
Lv.1 - Spirit Bear มีค่า Hญ 1400 และมี Inventory เมื่อ Spirit Bear ตายเราจะเสีย HP 100
Lv.2 - Spirit Bear มีค่า HP 1800 และมีสกิล Return  เมื่อ Spirit Bear ตายเราจะเสีย HP 200
Lv.3 - Spirit Bear มีค่า HP 2300 มีสกิล Return เมื่อโจมตีมีโอกาส 20% ที่จำทำให้เป้าหมายติด Entangle 20% เมื่อ Spirit Bear ตายเราจะเสีย HP 300
Lv.4 - Spirit Bear มีค่า HP 2700 มีสกิล Return เมื่อโจมตีมีโอกาส 20% เป้าหมายติด Entangle ,Demolsh และลดความเสียหายจากสกิล 33% เมื่อ Spirit Bear ตายเราจะเสีย HP 400
Mana Cost : 75 Cooldown : 180/160/140/120 วินาที

Rabit (R)
เพิ่มความเร็วในการโจมตีแลความเร็วในการเคลื่อนที่ขึ้นเป็นเวลา 10 วินาที
Lv.1 - เพิ่มความเร็วในการโจมตี 10% เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 5%
Lv.2 - เพิม่ความเร็วในการโจมตี 20% เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 10%
Lv.3 - เพิม่ความเร็วในการโจมตี 30% เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 15%
Lv.4 - เพิม่ความเร็วในการโจมตี 40% เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 20%
Mana Cost : 50 Cooldown 30 วินาที

Synergy (Passive)
เพิ่มความสามารถของ Lone Druid และซัมมอนหมีตามเลเวลสกิล
Lv.1 - เพิ่ม 10 ดาเมจ และความเร็วในการเคลื่อนที่ 10 หน่วย เพิ่มระยะเวลาในการแสดงผลของสกิล Rabid 10 วินาที และเพิ่มโบนัส HP ของสกิล True Form 100 หน่วย
Lv.2 - เพิ่ม 20 ดาเมจ และความเร็วในการเคลื่อนที่ 20 หน่วย เพิ่มระยะเวลาในการแสดงผลของสกิล Rabid 20 วินาที และเพิ่มโบนัส HP ของสกิล True Form 200 หน่วย
Lv.3 - เพิ่ม 30 ดาเมจ และความเร็วในการเคลื่อนที่ 30 หน่วย เพิ่มระยะเวลาในการแสดงผลของสกิล Rabid 10 วินาที และเพิ่มโบนัส HP ของสกิล True Form 300 หน่วย
Lv.4 - เพิ่ม 40 ดาเมจ และความเร็วในการเคลื่อนที่ 40 หน่วย เพิ่มระยะเวลาในการแสดงผลของสกิล Rabid 10 วินาที และเพิ่มโบนัส HP ของสกิล True Form 400 หน่วย

True Form (F)
กลายสภาพเป็นหมีสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ทำให้ความสามารถต่างๆเพิ่มมากขึ้นแต่การโจมตีเปลี่ยนเป็นระยะประชิดสามารถสลับไปมากับร่างต้นแบบได้
Lv.1 - เพิ่ม HP สูงสุด 250 หน่วย เพิ่มพลังป้องกัน 4 หน่วย เพิ่มสกิล Battle Cry เลเวล 1
Lv.2 - เพิ่ม HP สูงสุด 400 หน่วย เพิ่มพลังป้องกัน 6 หน่วย เพิ่มสกิล Battle Cry เลเวล 2
Lv.3 - เพิ่ม HP สูงสุด 600 หน่วย เพิ่มพลังป้องกัน 8 หน่วย เพิ่มสกิล Battle Cry เลเวล 3
Mana Cost : 25 Cooldown : 0 วินาที

หน้าที่ของ Lone Druid
หน้าที่ของ Lone Druid ในช่วงเลเวลแรกๆอาจจะไม่มีบทบาทอะไรกับเกมซักเท่าไหร่ แต่หลังจากเลเวล 6 เป็นต้นไปหรือหลังจากที่เลเวลสกิลเราเริ่มถึง เราสามารถเลือกได้เลยครับว่าจะเดิน Gnak หรือจะฟาร์มเอาไอเท็ม

การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     ในกรณีที่โดนกด นั่นคงเป็นเพราะฝั่งตรงข้ามมีตัวฮีโร่สกิลหรือฮีโร่ Int ค่อนข้างเยอะ เพราะฮีโร่จำพวก Str หรือฮีโร่ Agi ส่วนใหย่จะค่อนข้างกดเราลำบาก เพราะช่วงแรกตัวเราเป็นฮีโร่ที่โจมตีระยะไกล ส่วนซัมมอนของเราที่เป็นลูกหมีนั้นก็มีดาเมจพอสมควรและลูกหมีเราก็มีเลือดที่เยอะเอามากๆ แต่หากโดนกดดันจริงๆไอเท็มช่วงแรงที่ควรออกชิ้นแรกเห็นจะเป็น Magic Wand หรือไม่ก็ Ring of Basilius ซึ่งราคาไม่แพงมาก และถ้าต้องการไอเท็มที่พอจะเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ได้ควรมีไอเท็ม Power Treads และ Wraith Band สักสองอัน

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ในช่วงกลางๆเกมนั้นหลังจากที่แต่ละสกิลของเราเริ่มที่จะครบ ความเร็วในการเข้าปะทะและความเร็วในการเข้าทำของฮีโร่ตัวนี้ถือว่าสูงมากๆเลยครับ ไอเท็มหนักในช่วงท้ายเกมเราจะเริ่มจากขิ้นไหนก่อนก็ได้ครับ เริ่มจาก Vladmir's Offering เพราะเวลาที่เราใช้สกิล True Form เราจะโจมตีเป็นสายประชิดได้รับผลจากออร่าของไอเท็มขิ้นนี้ หลังจากนั้นให้เลือกออกเป็น Yasha แล้วออกเป็น Sange and Yasha ในภายหลัง ในหรณีที่ในทีมมีฮีโร่ที่มีสกิหยุดน้อย หรือถ้าในทีมมีฮีโร่ที่คอยสโลว์หรือหยุดให้เราสามารถเลือกออกดาเมจก่อนได้เลย เช่น Monkey King Bar ในจังหวะที่มีการปะทะอาจจะออก Black King Bar มาเพื่อเพิ่มความลื่นในการฆ่าได้ครับ ถ้าจบลงด้วย The Butterfly แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว

การอัพสกิล
     แนวทางการเล่นสายโจมตีไกลครับ ข้อดีของสายนี้คือความเร็วในการเคลื่อนที่สูงมากๆยิ่งใช้สกิล Rabid เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ด้วยล่ะก็ หากคู่ต่อสู้ไม่มีสกิลหยุดและคิดจะไล่เราก็ไล่ไม่ทันล่ะะครับ

เทคนิคการเล่น
     Lone Druid  เป็นฮีโรที่ต้องการเลเวลในระดับหนึ่งถึงจะถือว่าพร้อมที่จะเข้าต่อสู้เพราะฉะนั้นช่วงแรกอาจจะต้องอดทนเก็บเลเวลไปก่อน ซ่งเราสามารถเก็บเลเวลทั้งเลนและในป่าเพราะลูกหมีของเราสามารถที่จะแท็งค์ครีปป่าให้เราโดยที่เราแทบจะไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ แถมในจังหวะคอมโบกับทีมหรือจังหวะหนีเรายังมีสกิล Rapid ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่และโจมตีทำให้ในจังหวะปะทะเราสามารถถึงจุดปะทะได้เร็วมากขึ้นยิ่งในจังหวะไล่ฆ่าด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่สูงลูกหมีของเรายังมีโอกาสที่จะโจมตีติดสกิล Entangle ซึ่งจะหยุดเป้าหมายไม่ให้เคลื่อนที่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เรียกได้ว่าถ้าคิดจะหนี Lone Druid ล่ะก็ ยาก


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     ถือว่าเป็นฮีโร่ Agi ที่เหมาะกับการแท็งค์อีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยสกิล True Form ที่จะเพิ่มค่าพลังชีวิตและเกราะให้เรา จะช่วยให้เราเป็น Tanker ชั้นดีให้กับทีมได้เลยทีเดียว ยิ่งถ้าเราออกไอเท็มที่ช่วยเสริมความถึกด้วยแล้วล่ะก็ สามารถยืนแถวหน้ารับดาเมจให้กับทีได้อย่างดีทีเดียวเลยหล่ะ

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ถือว่าเป็นฮีโร่ที่มีดาเมจสูงตั้งแต่ช่วงต้นเกม ด้วยสกิล Summon Spirit Bear ที่สามารถเรียกลูกหมีออกมาช่วยโจมตีซึ่งรวมกับดาเมจของตัวเราแล้วจะช่วยให้ Last Shot ครีปง่ายมากๆ ทำให้ฟาร์มได้เร็วออกไอเท้มได้เร็ว ถือว่าเป็นฮีโร่อีกตัวที่เป้นความหวังของทีมได้เลย

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     สำหรับการซัพพอร์ททีมนั้นเราก็สามารถทำได้เช่นกันเพราะสกิล Summon Spirit Bear นั้นจะทำให้เราได้ทั้งตัวแท็งค์และตัวซัพพอร์ท ในสกิลเดียว เพราะลูกหมีที่เราเรียกออกมานั้นทุกครั้งที่โจมตีจะมีโอกาสทำให้เป้าหมายถูกหยุดไม่ให้เคลื่อนที่ด้วยสกิล Entangle ที่เป็นสกิลติดตัวของลูกหมีนั่นเอง

Faerie Dragon

Faerie Dragon



สกิล


Illusory Orb (R)
ยิงลูกบอลเส้นตรงไปเป็นเส้นตรง ทำความเสียหายต่อศัตรูที่อยู่ในเส้นทางและระหว่านั้นสามารถเทเลพอร์ทตัวเองไปยังตำแหน่งที่ลูกบอลเวทย์มนต์พุ่งไปได้
Lv.1 - สร้างแรงโจมตีให้กับยูนิตเป้าหมาย ที่สกิลวิ่งผ่าน 70 หน่วย
Lv.2 - สร้างแรงโจมตีให้กับยูนิตเป้าหมาย ที่สกิลวิ่งผ่าน 140 หน่วย
Lv.3 - สร้างแรงโจมตีให้กับยูนิตเป้าหมาย ที่สกิลวิ่งผ่าน 210 หน่วย
Lv.4 - สร้างแรงโจมตีให้กับยูนิตเป้าหมาย ที่สกิลวิ่งผ่าน 280 หน่วย
Mana Cost : 150 Cooldown : 13 วินาที

Waning Rift (W)
สลัดผงปีกไปทำความเสียหายต่อศัตรูโดยรอบ แล้วทำให้ติด Silence ด้วยรัสมี 400 AoE
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 60 หน่วย และทำให้ศัตรูติดสถานะ Silence 0.75 วินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 120 หน่วย และทำให้ศัตรูติดสถานะ Silence 1.5 วินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 180 หน่วย และทำให้ศัตรูติดสถานะ Silence 2.25 วินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 240 หน่วย และทำให้ศัตรูติดสถานะ Silence 3 วินาที
Mana Cost : 100/110/120/130 Cooldown : 16 วินาที

Phase Shift (F)
Phase ไปยังมิติอื่นชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทำให้มีสภาพเหมือนไม่ได้อยู่ในเกม จึงไม่ได้รับผลการกระทำใดๆ จากในเกมโดยสมบูรณ์ จนกว่าจะกลับเข้าสู่มิติปกติอีกครั้ง ระหว่างที่ Phase จะไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
Lv.1 - Phase ได้นานสุด 0.75 วินาที
Lv.2 - Phase ได้นานสุด 1.5 วินาที
Lv.3 - Phase ได้นานสุด 2.25 วินาที
Lv.4 - Phase ได้นานสุด 3 วินาที
Mana Cost : 50/40/30/20  Cooldown : 6 วินาที
*เมื่อเปิดร่ายสกิลอัตโนมัติ สกิลจะทำงานทันทีเมื่อถูกโจมตี

Dream Coil (C)
สร้างประจุพลังงานเวทย์มนตร์ขึ้นมา ซึ่งทำความเสียหายและสตั้นศัตรูในพื้นที่ชั่วครู่หนึ่ง แต่ถ้าศัตรูวิ่งหนีจากรัสมี 600 AoE ของ Dream Coil จะทำให้ประจุเกิดการระเบิด ทำดาเมจสตั้นอีกครั้งเป็นเวลานาน สกิลมีผลนาน 5 วินาที
Lv.1 - ทำความเสียหาย 100 หน่วย และสตั้น 0.5 วินาที เมื่อศัตรูวิ่งออกจากรัสมีสกิลจะทำความเสียหายเพิ่มอีก 100 หน่วย และสตั้น 1.5 วินาที
Lv.2 - ทำความเสียหาย 150 หน่วย และสตั้น 0.5 วินาที เมื่อศัตรูวิ่งออกจากรัสมีสกิลจะทำความเสียหายเพิ่มอีก 150 หน่วย และสตั้น 2.25 วินาที
Lv.1 - ทำความเสียหาย 200 หน่วย และสตั้น 0.5 วินาที เมื่อศัตรูวิ่งออกจากรัสมีสกิลจะทำความเสียหายเพิ่มอีก 200 หน่วย และสตั้น 3 วินาที
Mana Cost : 100/150/200 Cooldown : 85 วินาที
*หากมีไอเท็ม Aghanim's Scepter จะเพิ่มดาเมจของสกิลและระยะเวลาในการแสดงผลของสกิล และใช้ Mana ในการใช้สกิลเพิ่มขึ้น


หน้าที่ของ Faerie Dragon
     หน้าที่ของ Faerie Dragon นั่นคือกการกดดันคู่ต่อสู้ในเลนหรือจะเดิน Gank กับเพื่อนร่วมทีมก็ได้ เราสามารถเดิน Gank ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่ที่ดีที่สุดก็ต่อเมื่อเราเลเวล 6 หรือมีสกิล Dream Coil ถึงตอนนั้นโอกาสจะฆ่าศัตรูสำเร็จจะมีสูงมาก


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     หากโดนฝั่งตรงข้ามกดไอเท็มที่เราพอจะออกได้ขอแนะนำ Magic Wand ส่วนใหญ่ฮีโร่ที่จะกดเราได้จะเป็นฮีโร่สาย Int ที่มีสกิลแรงๆ หากโดนกดดันจนออกไอเท็มชิ้นใหญ่ๆไม่ได้อาจเน้นไปออไอเท็มที่มีค่าสเตตัสอย่าง Null Talisman มาไว้ใช้แก้ขัดก่อนก็ได้

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท็มที่แนะนำสำหรับฮีโร่ตัวนี้อันดับแรกคือ Dragon เพราะขะช่วยให้คอมโบสกิลของเรามีความเด็ดขาดมากขึ้น ปิดโอกาสในการรอดชีวิตของเป้าหมายที่เลือดไม่มาก ไอเท็มชิ้นที่สองที่ควรออกขะแนะนำไอเท็มที่จะช่วยฟื้นฟู Mana ของเราอย่างเช่น Guinsoo's Scythe of Vyse ซึ่งเป็นไอเท็มที่มีประโยชน์สำหรับทีมมากๆ และด้วยตัวเรามีค่า HP ที่ค่อนข้างน้อย เราอาจจะเติมเต็มตรงจุดนี้ด้วย Vanguard หลังจากนั้นอาจจะออก Kelen's Dagger of Escape หรือ Lothar's Edge เอาไว้ใช้เวลาหนีตายได้ครับ


การอัพสกิล
     สามารถใช้สกิลคอมโบของตัวเองจัดการเป้าหมายตั้งแต่เลเวล 6 ได้ด้วยคอมโบสกิลระหว่างสกิล Illusorry Orb และสกิล Waning Rift ปิดท้ายด้วยสกิล Dream Clil หากเป้าหมายเป็นฮีโร่ที่เลือดไม่เยอะพอ ยังไงก็มีตายแน่ๆหละครับ


เทคนิคการเล่น
     Faerie Dragon ถือว่าเป็นฮีโร่ที่โหดมากๆตั้งแต่ช่วงต้นเกมเนื่องจากแต่ละสกิลที่มีเป็นสกิลโจมตีหมู่ ที่มีความรุนแรงและหวังผลได้ค่อนข้างมาก แต่ก็จำเป็นี่จะต้องเก็บเลเวลในเลนไปจนกว่าจะอัพสกิลจนถึงระดับที่จะมีความแรงพอที่จะเดิน Gank หลังจากนั้นให้พยายามเดินป่วนตามเลนอื่นให้มากเข้าไว้ครับ เพื่อที่เพื่อนร่วมทีมของเราในเลนอื่นนั้นจะได้เก็บเงินเก็บเลเวลได้ง่ายขึ้น


TANKER : เมื่อต้องชน!!
    แม้ว่าด้านกายภาพมันจะอ่อนแอมาก แต่ด้านสกิลที่มันทำใไ้เราสามารถวางใจและและใช้มันเป็นตัวชนได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานสกิลที่ดีและเหมาะสมกับจังหวะด้วยสกิล Illusory Orb ใช้สำหรับการเข้าประชิดได้ นั่นทำให้หมดปัญหาเรื่องการเข้าทำไปเลยและตามด้วยไม้ตาย Dream Coil ปิดกั้นการเคลื่อนที่เอาไว้และคอมโบด้วยสกิล Wanning Rift เพื่อให้ใช้สกิลไม่ได้เปิดโอกาสให้ทีมสามารถเข้ามาคอมโบได้เป็นอย่างดี และหลบการโจมตีทุกอย่างด้วย Phase Shift ไปอย่างง่ายดาย

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ถือว่าเป็นฮีโร่ตัวฆ่าที่เก่งตั้งแต่ต้นเกมเลย เพราะสกลที่มีนั้นล้วนแต่แสดงผลแบบกลุ่ม และมีความรุนแรงสูงโดยเฉพาะช่วงต้นเกมที่มันสามารถเป็นตัวนำของกลุ่มเพื่อ Ganker ได้ฆ่าศัตรูได้อย่างง่ายดายด้านการออกไอเท็มส่วนใหญ่ไม่เน้นออกไอเท็มเพิ่มการโจมตีกายภาพ แต่จะเน้นไอเท็มที่เพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้ามาไม่ว่าจะเป็น Shiva's Guard หรือไอเท็มอย่าง Dragon มาเสริมก็ได้

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ในช่วงต้นเกมมันอาจจะเป็นตัวฆ่าที่ดี แต่ในช่วงท้ายเกมมันจะเป็นตัวซัพพอร์ทโดยตรง จะเป็นช่วงที่ออกไอเท็มที่เพิ่มความอึดขึ้นมาเสริมและไอเท็มสกิลใหม่ๆ เข้ามาเพื่อช่วยทีม แต่หากเล่นดีๆมันยังสามารถเป็นตัวเปิดตัวชนได้เหมือนเดิม หัวใจหลักอยู่ที่สกิล Dream Coil  ที่ต้องพยายามลากจับศัตรูไว้ให้เยอะๆเพืม่ให้ทีมตามเข้ามาคอมโบ ถือว่าเป็นการสนับสนุนที่ดีมากและใช้ได้กับฮีโร่ทุกแบบแม้จะเป็นช่วงท้ายเกมด้วย



Earthshaker

Earthshaker




สกิล

Fissure (F)
โจมตีด้วยการตีท่อนไม้ลงบนพื้นทำให้พื้นดินด้านหน้าแตกแยกออก ระยะการโจมตี 1600 Range สร้างความเสียหายแก่ศัตรูที่อยู่ในระยะและทำให้ติดสตั้นชั่วขณะ และปิดกั้นพื้นที่นั้นเป็นเวลา 8 วินาที
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 125 และติดสตั้น 1 วินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 175 และติดสตั้น 1.25 วินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 225 และติดสตั้น 1.5 วินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 275 และติดสตั้น 1.75 วินาที
Mana Cost : 125/140/155/170 Cooldown : 15 วินาที

Enchant Totem (E)
ทุบพื้นที่ทำให้เพิ่มค่าพลังโจมตีครั้งต่อไปรุนแรงขึ้น
Lv.1 - เพิ่มพลังโจมตี 75%
Lv.2 - เพิ่มพลังโจมตี 150%
Lv.3 - เพิ่มพลังโจมตี 225%
Lv.4 - เพิ่มพลังโจมตี 300%
Mana Cost : 50 Cooldown : 7 วินาที

Aftershock (Passive)
เพิ่มความสามารถในการโจมตีด้วยสกิล Enchart Totem ทำให้เกิดความเสียหายและทำให้เป้าหมายติดสตั้นชั่วขณะระยะ 300 รอบตัว
Lv.1 - 25 ดาเมจ ติดสตั้น 0.3 วินาที
Lv.2 - 45 ดาเมจ ติดสตั้น 0.7 วินาที
Lv.3 - 75 ดาเมจ ติดสตั้น 1.2 วินาที
Lv.4 - 115 ดาเมจ ติดสตั้น 1.5 วินาที

Echo Slam (C)
กระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง สร้างคลื่อสะท้อนทำลายความเสียหายเป็นกลุ่มในระยะ 500 AoE ทำให้เกิดการสะท้อนไปมาของความเสียหาย ยิ่งมีศัตรูอยู่ในระยะเท่าไหร่ ความเสียหายรวมยื่งสูงขึ้น
Lv.1 - 160 ดาเมจ สะท้อน 40 ดาเมจ
Lv.2 - 210 ดาเมจ สะท้อน 55 ดาเมจ
Lv.3 - 270 ดาเมจ สะท้อน 70 ดาเมจ
Mana Cost : 145/205/265 Cooldown : 150/130/110



หน้าที่ของฮีโร่
Earthshaker นั้นเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่มีสกิลไม้ตายที่ดีที่สุดของเกมตัวหนึ่งนั่นคือ Echo Slam ซึ่งเป็นสกิลเปิดเกมที่สามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายพินาศไปในพริบตาเลยก็ว่าได้หน้าที่หลักๆของฮีโร่ตัวนี้อย่างแรกเลยคือต้องเป็นตัวเปิดเกมให้ถูกจัหวะ รวมไปถึงการใช้สกิล Fissure  ในการสตั้นแบรคจังหวะของทีมฝั่งตรงข้ามเพราะสกิลนี้จุดเด่นของมันนอกจะสตั้นได้แล้ว ยังทำการปิดเส้นทางหนีได้อีกด้วย



การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     ช่วงแรก Earthshaker จะมี Mana น้อยมาก หากเทียบกับสกิลต่างๆ ที่ต้องใช้ Mana ตลอดเวลา ยิ่งถ้าโดนกดหนักๆด้วยแล้วยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นให้พยายามออก Empty Bottom มาก่อนเพื่อคอยเก็บ Rune และร่วมด้วยช่วย Gank ให้เพื่อนร่วมทีม นอกจากนี้ยังจะทำไอเท็ม Soul Ring ช่วยเสริมด้วยเพราะเมื่อกดใช้จะดูด HP ของเรา 150 ไปเพิ่ม Mana ของเราก็จะทำให้มี Mana ได้นอกจากนี้ไอเท็มที่ขาดไม่ได้ก็คือ Keken's Dagger เพราะนี่คือไอเท็มหลักที่จะช่วยให้ทีมเห็นชัยชนะ

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
      ช่วงท้ายเกมเราคงมีเงินซื้อไอเท็มต่างๆ แนะนำให้ออก Aghanim's Scepter ,Shiva's Guard
เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับทีมในจังหวะเปิดเกมเพราะ Late เกมแล้วหากฝ่ายตรงข้ามออก Black King Bar มางานจะเข้าเราได้ หรืออาจจะพลิกแพลงออกไอเท็ม Guinsoo's Scrythe of  Vyse ก็จะเป็นการช่วยทีมในการ Disable ฝั่งตรงข้ามได้มากขึ้นหรือถ้าเงินเหลือเยอะจะออกไอเท็ม Refresher Orb ที่สามารถใช้ Echo Slam ได้ 2 ครั้งเลยก็ได้ทำให้ทีมฝ่ายตรงข้ามหนักใจในจังหวะปะทะแแน่นอน


การอัพสกิล
     ส่วนใหญ่ Eartshaker เน้นการทำคอมโบเปิดเกมให้กับทีมเพื่มให้ใช้คอมโบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราควรต้องไล่เรียงลำดับการอัพเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทีมด้วย การอัพสกิลแบบสายนี้ Enchant Totem  หากในทีมีฮีโร่ไล่ฆ่าหรือฮีโร่ทำดาเมจสูงๆอยู่ด้วยแล้ว เราควรเลือกอัพสกิลนี้ไว้แค่ 1 เพื่อหวังผลจากสกิลสตั้นของ Aftershock จะดีกว่า เพราะกว่าจะคอมโบครบก็เลเวล 16 พอดีคราวนี้ก็อัพ Stat ยาวจนเลเวล 25 เลย


เทคนิคการเล่น
      เทคนิคการเล่นของฮีโร่ตัวนี้อยู่ที่การจับจังหวะใช้ Kelen's Dagger of Escape เพื่อจะ blink เข้าไปทำการ Echo Slam และใส่คอมโบในจังหวะที่ฝ่ายตรงข้มากำลังเพลินกับการเก็บเงินและดันครีปสามารถทำให้ปางตายได้เลยทีเดียว ยิ่งถ้าฮีโร่เลือดน้อยๆคอมโบเดียวก็หลับได้เลย ซึ่งตรงนี้จำเป็นต้องดูจำนววนครีปและฮีโร่ที่ดันมาให้ดีๆเพราะในกรณีที่มีแต่ฮีโร่เดินมาไม่มีครีป แถมอีกฝ่ายยังยืนแยกกันอีก หากเรา Blink เข้าไปใช้ Echo Slam จะทำเป็นว่าสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้ไม่แรงเท่าที่ควรและหากซวยกว่านั้นอาจจะโดนรุมยำในพริบตาได้



TANKER : เมื่อต้องชน!!
     สำหรับฮีโร่ตัวนี้การที่ต้องเป็นตัวแท็งค์ให้กับทีมถือว่าเป็นสิ่งที่เหมาะ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วจะเป็นฮีโร่ Str ที่มีค่าพลังชีวิตที่ไม่มากนักและสกิลส่วนใหญ่ที่จะเน้นไปทางฮีโร่สกิลเสียมากกว่าเป็นฮีโร่สายแท็งค์ แต่หากเราเพิ่มความถึกด้วยไอเท็มให้กับฮีโร่ตัวนี้ เราสามารถที่จะหาโอกาสด้วยการใช้สกิลอันรุนแรงของเราอย่าง Echo Slam ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     สำหรับฮีโร่ตัวนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยมีใครเล่นสายดาเมจสักเท่าไหร่  ทั้งๆที่มรสกิลมราสามารถจะหยุดเป้าหมาย อีกทั้งยังมีสกิลที่ช่วยสร้างดาเมจการโจมตีให้ับเราอย่างเช่นสกิล  Enchant Totem ซึ่งมีผลในการเพิ่มความแรงในการโจมตีครั้งต่อไปถึง 300% หากเรามีไอเท็มที่เพิ่มดาเมจแบบโหดๆแล้วล่ะก็เราจะเป็นฮรโร่ดาเมจที่โจมตีได้รุนแรงอีกตัวเลยทีเดียว

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ในการปะทะกันในแต่ละครั้งของทีม สกิล Fissure ถือว่าเป็นสกิลที่ทำให้ทีมเราได้เปรียบมากๆด้วยระยะโจมตีของสกิลซึ่งค่อนข้างไกล อีกทั้งสามารถใช้ได้ดีและถูกจังหวะ สกิลนี้ถือว่าเป็นสกิลที่สามารถชี้ผลแพ้ชนะของทีมเลยทีเดียว ทั้งนี้ยังสามารถช่วยเพื่อหรือเดิน Gank ได้ดีมากๆ


Centaur Warchief

Centaur Warchief




สกิล

HoolStomp (F)
กระทืบพื้นทำให้ศัตรูได้รับความเสียหายและติดสตั้นไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
Lv.1 - ทำดาเมจ 100 แต้ม และสตั้นเป็นเวาล 2 วินาที
Lv.2 - ทำดาเมจ 150 แต้ม และสตั้นเป็นเวลา 2.25 วินาที
Lv.3 - ทำดาเมจ 200 แต้ม และสตั้นเป็นเวลา 2.50 วินาที
Lv.4 - ทำดาเมจ 250 แต้ม และสตั้นเป็นเวลา 2.75 วินาที
Mana Cost : 85/100/115/130 Cooldown : 13 วินาที

Double Edge (D)
โจมตีเป้าหมายด้วยพลังทั้งหมดโดยการทุบหัว สร้างความเสียหายรุนแรงมหาศาล แต่ตัวเองก็จะได้รับบาดเจ็บเท่ากับศัตรูด้วย
Lv.1 - ทำดาเมจ 175 หน่วย เสีย HP 175 หน่วย
Lv.2 - ทำดาเมจ 250 หน่วย เสีย HP 250 หน่วย
Lv.3 - ทำดาเมจ 375 หน่วย เสีย HP 375 หน่วย
Lv.4 - ทำดาเมจ 400 หน่วย เสีย HP 400 หน่วย
Mana Cost : 0 Cooldown : 8 วินาที
Return
สะท้อนความเสียหายจำนวนหนึ่งกลับไปยังฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาโจมตี Centaur
Lv.1 - สะท้อนดาเมจกลับไป 16+26% ของค่า STR ตัวเอง
Lv.2 - สะท้อนดาเมจกลับไป 16+34% ของค่า STR ตัวเอง
Lv.3 - สะท้อนดาเมจกลับไป 16+42% ของค่า STR ตัวเอง
Lv.4 - สะท้อนดาเมจกลับไป 16+50% ของค่า STR ตัวเอง
Passve

Great Fortitude (Passive)
เพิ่มความแข็งแกร่งของ Centaur โดยการเพิ่มค่า STR จำนวนมาก
Lv.1 - เพิ่มโบนัส STR +12 หน่วย
Lv.2 - เพิ่มโบนัส STR +24 หน่วย
Lv.3 - เพิ่มโบนัส STR +36 soj;p


หน้าที่ของฮีโร่
หน้าที่ลักๆของ Centaur คือการทำหน้าที่เป็น Tanker แบบเต็มสตีม และคอยทำหน้าที่ป่วนฮีโร่จำพวก Carry ที่ตีแรงๆ แต่ HP น้อยเป็นหลัก ซึ่งหน้าที่ตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมของ Centaur จะไม่แตกต่างกันนัก นั่นคือเป็นตัว Tanker และคอยป่วนศัตรูเป็นหลักนั่นเอง


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     สำหรับในกรณีที่โดนฝ่ายตรงข้ามกดจะไม่สามารถทำไอเท็ม Kelen's Dagger ในช่วงแรกได้ แนะนำว่าททำไอเท็มที่เสริม HP เยอะๆอย่าง Bracer และ Vanguard เอาไว้ก่อนเลยครับ  ทั้งนี้ก็เพื่อจะเสริมความอึดในการเข้าปะทะให้ดีขึ้น ยิ่งถ้าช่วงเกือบกลางเกมยังคงโดนกดอยู่ อาจจะออกไอเท็มอย่าง Black King Bar และ Blade Mail ไปเลยก็ได้ เพราะอย่างน้อยก็ยังช่วยให้สามารถเข้าปะทะและรับดาเมจจากศัตรูได้อย่างแน่นอน

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท็มที่เหมาะสำหรับช่วงกลางเกมไปถึงท้ายเกมนั้น หากการเก็บเลเวล และเงินเป็นไปอย่างราบรื่นก็ให้ทำไอเท็มเสริม HP และเสริมอึดไปเลยเช่น Heart of  Terrasque,  Shiva's Guard และ Khadager's Pippe of Insight หรือจะทำไอเท็มที่เสริมความโหดในเรื่องของการสร้างดาเมจอย่าง Radiance ก็น่าสนใจทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ารูปเกมของทีมนั้นต้องการสิ่งใดมากกว่า

การอัพสกิล
     Centaur ฮีโร่สายพันอึดที่สามารถไปได้ในทุกๆเลน ซึ่งสายการอัพนี้จะเน้นไปที่การปั่นป่วนฝ่ายตรงข้ามด้วยสกิล Hoof Stomp และ Double Edge เป็นหลักอีกทั้งยังมีสกิล Retuen ไว้ใช้ป่วนฝั่งตรงข้าม และช่วยฟาร์มเก็ยบเงินในช่วงต้นๆเกมได้อีกด้วย


เทคนิคการเล่น 
     การเล่น Centaur ไม่ซับซ้อนมากเพราะจะมีอยู่สเต็ปเดียวนั่นคือใช้ไอเท็ม Kelen's Dagger เพื่อ Blink ไปยังกลุ่มเป้าหมาย (พยายามประชิดตัวศัตรูให้มากที่สุด) จากนั้นใช้สกิล Hoof Stomp เพื่อทำการสตั้นจากนั้นก็ทำการเขกฮีโร่ที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อรอให้เพื่อนร่วมทีมมาช่วยรุมกินโต๊ะ ซึ่งเทคนิคนี้ใช้ได้ทั้งเกม Gank และจังหวะปะทะซึ่งๆหน้า จำไว้ว่าความสำคัญของฮีโร่ตัวนี้อยู่ที่ต้องเข้าปะทะเป็นฮีโร่ตัวแรกโดยอาศัยการสตั้นและสกิล Return เพื่อสะท้อนดาเมจกลับไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด และด้วย HP ที่เยอะจะทำให้สามารถยืนแท็งค์ได้นาน เพื่อนร่วมทีมจะได้ Happy ครับ


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     ก็ถือว่าเป็นฮีโร่ Tanker ชั้นยอนระดับแนวหน้าของฮีโร่ Str จริงๆ เพราะด้วยสกิล Great Fortitude จะช่วยเพิ่มค่า Str ให้กับ Centaurทุกๆครั้งที่อัพสกิลนั่นหมายถึงทั้งดาเมจและค่าพลังชีวิตของเราก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะหากเราออกไอเท็มเสริมความถึกแบบนี้ขึ้นแล้วล่ะก็ เราจะเป็นฮีโร่ที่ตายยากมากๆแน่นอนครับ

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     สำหรับ Centaur หากถึงเวลาที่ต้องรับหน้าที่เป็นตัวทำดาเมจให้กับทีมก็สามารถทำได้เพราะด้วยความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวนี้แล้วยังมีสกิล Double Edge ที่มีพลังโจมตีมากถึง 400 หน่วยบวกกับการออกไอเท็มต่อสู้ด้วยแล้ว Centaur ถือเป็นฮีโร่แถวหน้าที่แทบจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ในการปะทะกันในแต่ละครั้งของทีม สกิล Hoof Stomp ถือเป็นสกิลที่่วยเหลือทีมได้เป็นอย่างดี ทั้งในจังหวะปะทะ จังหวะไล่ฆ่า หรือแม้กระทั่งจังหวะที่ทีมเราเสียเปรียบและกำลังถอยหนี ด้วยสกิลที่สามารถหยุดศัตรูรอบๆตัวได้ทำให้เป็นสกิลที่มีประโยชน์กับทีมมากพอดูครับ

Enchantress

Enchantress




สกิล

Untouchable (Passive)
เมื่อถูกโจมตีไม่ว่าจะเป็นสกิลหรือการโจมตีธรรมดา จะทำให้เป้าหมายที่โจมตีเสียความเร็วในการโจมตีลง 3 วินาที
Lv.1 – ลดความเร็วในการโจมตี 20%
Lv.2 – ลดความเร็วในการโจมตี 40%
Lv.3 – ลดความเร็วในการโจมตี 60%
Lv.4 – ลดความเร็วในการโจมตี 80%

Enchant (C)
ใช้ใส่ครีปจะทำให้สามารถควบคุมยูนิตนั้นๆได้ ถ้าเป็นยูนิตที่ควบคุมไม่ได้จะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลงแทนเป็นเวลา 5.5 วินาที
Lv.1 – ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 20%
Lv.2 – ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 30%
Lv.3 – ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 40%
Lv.4 – ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 50%
 Mana Cost : 65 Cooldown : 30/25/20/15 วินาที

Nature’s Attendants (R)
อัญเชิญภูตตัวเล็กๆออกทาช่วยฟื้นฟูค่า HP ให้กับตัวเองและฝ่ายเดียวกันที่อยู่ใกล้เคียง ซัมมอนแต่ละตัวจะอยู่นาน 10 วินาทีและช่วยฟื้นฟู 10 หน่วย ต่อวินาทีจำนวนที่เรียกออกมาได้ ขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล
Lv.1 – อัญเชิญภูตจำนวน 3 ตัวออกมาช่วยฟื้นฟูค่า HP
Lv.2 – อัญเชิญภูตจำนวน 5 ตัวออกมาช่วยฟื้นฟูค่า HP
Lv.3 – อัญเชิญภูตจำนวน 7 ตัวออกมาช่วยฟื้นฟูค่า HP
Lv.4 – อัญเชิญภูตจำนวน 9 ตัวออกมาช่วยฟื้นฟูค่า HP
Mana Cost : 125/140/155/170 Cooldown : 45 วินาที

Impetus (T)
เพิ่มความรุนแรงในการโจมตี โดยความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะห่างของเป้าหมาย ยิ่งไกลยิ่งรุนแรง เป็นการโจมตีแบบไม่หักลบพลังป้องกัน
Lv.1 – ความรุนแรงเพิ่มขึ้น 15% ของระยะห่าง
Lv.2 – ความรุนแรงเพิ่มขึ้น 20% ของระยะห่าง
Lv.3 – ความรุนแรงเพิ่มขึ้น 25% ของระยะห่าง
Mana Cost : 55/60/65 Cooldown : 45 วินาที


หน้าที่ของฮีโร่
หน้าที่ของ Enchantrees คือการกดดันคู่ต่อสู้ในเลนหรือจะเดิน Gank กับเพื่อนก็ได้หากเพียงแต่ในช่วงต้นเกมจะต้องอดทนเก็บเลเวลจนถึงเลเวล 6 เสียก่อนจึงจะมีสกิล Impetus ซึ่งเป็นสกิลโจมตีเดียวที่เรามี (แต่ก็มีพลังโจมตีที่รุนแรงมากพอดู


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     หากโดนฝั่งตรงข้ามกดไอเท็มที่ Enchantrees สมควรจะออกก็ขอแนะนำ Magic Wand ส่วนใหญ่ฮีโร่ที่จะกด Enchantrees ได้จะเป็นสาย  Int ด้วยกัน หรือไม่ก็เป็นฮีโร่ที่มีสกิลรุนแรงแต่หากรุมยัดสกิลใส่เราแล้วไม่ตาย เราก็สามารถฟื้นฟู HP ของตัวเราด้วยสกิล  Nature’s Attendants ซึ่งในกรณีที่โดนกดเราอาจจะออก  Ring of Basilius เพื่อฟื้นฟูมานาและเพิ่มดาเมจในการ Last Short ครีป


การอกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท็มที่แนะนำสำหรับ Enchantrees อันดับแรกคือ Force Staff เพราะจ่ะวยเราได้เยอะในเวลาที่ไล่ฆ่าและวิ่งหนีศัตรู ไอเท็มชิ้นที่สองที่ควรออกขอแนะนำไอเท็มที่จะช่วยฟื้นฟู Mana ของ Enchantrees อย่างเช่น Guinsooo’s Scrythe of  Vyse และด้วยตัวเรามีค่า HP ที่ค่อนข้างน้อยเอามากๆ เราอาจจะเติมเต็มตรงจุดนี้ด้วย Vanguard หลังจากนั้นอาจจะเติมความแข็งแกร่งของเราด้วย Assault Cuirass และปิดท้ายด้วย Linken’s


การอัพสกิล
     เป็นรูปแบบที่นิยมใช้มากสามารถใช้สกิลคอมโบของตัวเองจัดการกับเป้าหมายตั้งแต่เลเวล 6  ได้เลยด้วยคอมโบสกิลระหว่าง   Impetus และสกิล Enchant เรียกว่าถ้าเป้าหมายเป็นฮีโร่ประเภทเลือดน้อยๆล่ะก็ โดนยิงด้วยสกิล Impetus แค่สองสามครั้งก็มีลอยกลับบ้านแน่ๆ


เทคนิคการเล่น
     ในช่วงต้นเกมเราอาจจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน เพราะก่อนช่วงเลเวล 6 นั้นเราไม่มีสกิลที่สามารถตอดเลือดศัตรูหรือสกิลที่กดดันศัตรูได้เลย แต่ช่วงหลังเลเวล 6 นั้นเราสามารถใช้สกิล Impetus กดดันศัตรูได้เลย เพราะเป็นสกิลที่มีพลังโจมตีที่ค่อนข้างแรงมากๆ ยิ่งถ้าศัตรูเลือกที่จะเดินหนี สกิลนี้ยิ่งแรงตามระยะทาง แต่ยังไงซะก็ควรจะระวังนะครับเพราะช่วงแรกๆตัวเราเองก็เลอดน้อยมากๆเช่นกัน ในช่วงกลางเกมอาจจะอาศัยคอมโบระหว่างสกิล Impetus และสกิล Enchant เดิน Gank กับเพื่อนหรือฆ่าในเลนได้ด้วยตัวเองได้เลย แต่ยังไงก็ต้องรักษาระยะห่างระหว่างเรากับเป้าหมายให้ดีนะครับ


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     ถ้าจะเล่นให้มันเข้าไปใช้สกิลโจมตีเปิด มันอาจจะทำได้ไม่ดีและไม่น่าใช้เท่าไหร่แต่ถ้าจะช้มันเป็นตัวชนเข้าไปรับความเสียหายหรือรับการโจมตีละก็ ฮีโร่ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะสกิล Untouchable จะช่วยให้ศัตรูเข้ามาโจมตีช้าลงได้แ ต่ก็ต้องหาไอเท็มเข้ามาเสริมอย่างพวกเพิ่มพลังป้องกันหรือเพิ่มพลังชีวิตด้วย เพราะยังไงมันกือสาย Int นอกจากนี้สกิลที่ทำห้มันยิ่งทนความสามารถและใช้เพื่อเป็นตัวล่อได้อีกคือ Nature’s Attendants การฟื้นฟูพลังชีวิตของสกิลจะยิ่งทำให้ยากต่อการฆ่ามันมากขึ้น

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ในด้านการฆ่าฮีโร่ตัวี้ทำได้ดีมาก แต่นับเป็นพวกพิฆาตไกลเพราะสกิลโจมตีดาเมจมหาศาลอย่าง Impetus นั้นจะให้ผลที่รุนแรงได้จากระยะของเราและเป้าหมายที่ต้องไกลกันเข้าไว้ดังนั้นแนวการเล่นที่เหมาะสมมากที่สุดคือการเป็นแนวหน้า และหาตัวหยุดหรือพวกที่เข้าประชิดเก่งๆมานำ มันจะทำให้เราไม่ต้องเข้าไปใกล้โจมตีได้สบายๆจากระยะไกล แต่หากต้องพึ่งพาตัวเองแล้วล่ะก็ สกิล Enchant จะช่วยทำให้เป้าหมายเคลื่อนที่ช้าลงได้ นั่นทำให้เรามีโอกาสไล่ตามไปโจมตีได้ง่ายมากขึ้นเหมือนกัน แต่ทางที่ดีควรหาไอเท็มเข้ามาเสริมอย่างพวกที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ในการซัพพอร์ทนั้นถ้าเล่นดีๆเรียกได้ว่าอาจเป็นตัวหลักของทีมได้เลยทีเดียว เพราะสกิลNature’s Attendants จะทำให้เราฟื้นฟูค่าพลังชีวิตของตัวเองและเหล่าทีมที่อยู่ใกล้ๆได้จำนวนมาก แต่ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งในการฮิล การเล่นนั้นสกิลส่วนใหญ่จะค่อนข้างใช้ค่า MP เยอะซึ่งเรียกว่าแม้จะเป็นสาย Int เองค่า MP ก็อาจจะไม่พอ ดังนั้นหากคุณเล่นทั้งตัวโจมตีและสบับสนุนให้ครบเครื่องและอยู่ได้ยาววรจะหาไอเท็มเสริมด้าน MP เอาไว้ อย่างพวกเล่งอัตราฟื้นฟู หรือเพิ่มค่าสูงสุดของ MP ขึ้น

Juggernaut

Juggernaut




สกิล

Blade fury (F)
หมุนตัวเข้าโจมตเป้ามหย ทำให้สร้างความเสียหายรอบตัว 250 AoE ในระหว่างใช้งานสามารถเคลื่อนที่ได้ และป้องกันการโจมตีด้วยสกิลต่างๆ ชั่วขณ แสดงผล 5 วินาที
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 80 ต่อวินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 100 ต่อวินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 120 ต่อวินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 140 ต่อวินาที
Mana Cost : 110 Cooldown : 30/28/26/24

Healing Ward (G)
ปักเสาฟื้นฟู HP ขึ้นทำให้ช่วยฟื้นฟู HP ของฝ่ายเดียวกันในระยะ 400 AoE ตัวเสาสามารถเคลื่อนที่ได้ แสดงผล 25 วินาที
Lv.1 - ฟื้นฟู HP 3% ต่อวินาที
Lv.2 - ฟื้นฟู HP 4% ต่อวินาที
Lv.3 - ฟื้นฟู HP 5% ต่อวินาที
Lv.4 - ฟื้นฟู HP 6% ต่อวินาที
Mana Cost : 80/100/120/140 Cooldown : 60 วินาที

Blade Dance (Passive)
เมื่อโจมตีธรรมดาจะมีโอกาสโจมตีซ้อน 2 ครั้ง
Lv.1 - โอกาสติด 15%
Lv.2 - โอกาสติด 20%
Lv.3 - โอกาสติด 25%
Lv.4 - โอกาสติด 30%

Omnislash (E)
กระโดดเข้าโจมตีศัตรูในระยะแบบสุ่มอย่างต่อเนื่องในระยะ 450 AoE
Lv.1 - โจมตี 3 ครั้ง
Lv.2 - โจมตี 6 ครั้ง
Lv.3 - โจมตี 9 ครั้ง
Mana Cost : 200/275/350 Cooldown : 130/120/110 วินาที
การออก  Aghanim's Scepter จะช่วยเพิ่มจำนวนครั้งในการโจมตีของสกิล Omnislash เป็น 6/9/12 และลด Cooldown ของสกิลลงเหลือ 90 วินาที


หน้าที่ของฮีโร่
หน้าที่ของฮีโร่ตัวนี้คือการกดดันคู่ต่อสู้ตามเลนหรือไม่ก็เดิน Gank กับเพื่อน ต้องขอบอกเลยว่า Juggernaut เป็นฮีโร่ที่มีสกิลในช่วงแรกที่แรงมากๆ ยิ่งถ้าเราคอมโบร่วมกับเพื่อนแล้วล่ะก็แค่สกิลเดียวก็สามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วงต้นเกมหน้าที่หลักๆคือต้องพยายามไล่ Gank ในเลนของตนเองเรื่อยๆ เพื่อคอยเก็บ kill ฟาร์มเงินออกของแรงๆให้ได้


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     ในกรณีที่เราโดนกด ส่วนใหญ่จะเป็นฮีโร่ที่มีระยะโจมตีไกลจนเราเข้าถึงตัวได้ยาก หรือไม่ก็เป็นฮีโร่สาย Int ที่ค่อนข้างจะรักษาระยะจนทำให้เราเข้าปะทะได้ยากมาก ช่วงแรกจะต้องออกไอเท็มอย่าง Magic Wand กับ Ancient Tango of Essifation มาก่อนเพื่อให้ยืนเก็บเลเวลได้ จากนั้นพยายามออก Boots of Speed ให้ได้เพราะเราจำเป็นต้องเข้าประชิดเพื่อออกสกิล

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     การออกไอเท็มที่น่าใช้สำหรับ Juggernaut น่าจะหนีไม่พ้น Battle fury ส่วนไอเท็มชิ้นต่อไปอาจจะเป็น Sange and Yasha เพิ่มความเร็วในการเข้าทำ หลังจากนั้นสามารถออก Monkey King bar หรือที่ดีที่สุด  The Butterfly และหากต้องการความลื่อไหลในการต่อสู้สามารถออก Helm of Dominator ส่วนรองเท้าที่น่าจะให้ดีต้องออกเป็น Phase Boots จะทำให้จังหวะเข้าทำหรือจังหวะหนีดีขึ้น และเพื่อทำให้ท่าไม้ตายของเราแรงขึ้นสามารถออก Aghanim's Scepter ก็ได้


การอัพสกิล
     แนวทางการเล่นเหมาะกับการเน้นเข้าทำคู่ต่อสู้ตั้งแต่ช่วงแรกครับซึ่งสายนี้จะเน้นใช้ความสามารถของสกิล Blade Fury ในการไล่ฆ่าอีกฝ่ายเป็นหลัก ซึ่งการอัพสลับกับค่า Stat จะช่วยให้ค่า Mana เยอะขึ้น พอที่จะปั่นได้บ่อยขึ้น


เทคนิคการเล่น
     Juggernaut ในช่วงต้นเกมจัดเป็นฮีโร่ที่มีสกิลแรงมากครับ ซึ่งถ้าฝึกฝนจนคล่องแล้วสามารถรู้ผลแพ้ชนะได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยทีเดียว การหาจังหวะเข้าทำหรือการคอมโบกับเพื่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในช่วงต้นเกม และยิ่งหลังเลเวล 6 เราแทบจะสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ด้วยตัวเองเลยครับ ด้วยคอมโบ Blade Fury แล้วตามด้วย Omnislash หากจังหวะดีๆไม่มีครีปมาแชร์ดาเมจจากสกิลแล้วล่ะก็ไม่ว่าตัวไหนก็โดนชุดเดียวตายแน่นอนครับแต่ถึงอย่างนั้นการเข้าถึงระยะที่เราจะโจมตีด้วยสกิล Blade Fury อาจจะไม่ง่ายนักเพราะแค่เราขยับเข้าหา คู่ต่อสู้ก็อาจจะถอยเพื่อรักษาระยะจึงอาจจะต้องอาศัยการดูจังหวะในการเข้าทำหรืออาจจะอาศัยการออกจากป่าขณะที่คู่ต่อสู้เผลอ และในช่วงที่เราคอมโบกับเพื่อน สกิล Healing Ward ของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับทีม เพราะผลฟื้นฟูเลือดของสกิลค่อนข้างแรงมาก


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     อาจจะดูเป็นเหมือนฮีโร่ที่ค่อนข้างเปราะบาง แต่ด้วยสกิลที่มีความแรงค่อนข้างมากอย่างสกิล Blade Fury หากเราออกไอเท็มที่เสริมความถึกขึ้นมาด้วยแล้วล่ะก็ คู่ต่อสู้คงไม่คิดที่จะยืนบวกกับเราแน่ๆ เพราะส่วนมากในจังหวะบวกกันหากเราใช้สกิลนี้เข้าไปมักจะเป็นเป้าให้ศัตรูโจมตีเสมอ แตหากเราสามารถยืนได้นานในจังหวะปะทะ เพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมใช้สกิลโจมตีศัตรูได้อย่างเนียนๆจะช่วยให้ทีมได้เปรียบขึ้นเยอะ

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     สำหรับฮีโร่ตัวนี้แล้วดาเมจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยครับเพราะสกิลไม้ตายอย่าง OmniSlash เป็นสกิลที่มีความแรงพื้นฐานมาจากดาเมจหลักของเรา ยิ่งมีไอเท็มดีๆโหดๆ ท่าไม้ตายของเราก็จะยิ่งหนักขึ้น ไหนจะสามารถคอมโบกับสกิลอื่นที่มีอยู่ เรียกได้ว่าฮีโร่เลือดน้อยๆสามารถเก็บได้สบายเลยล่ะครับ

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ฮีโร่ตัวนี้มีสกิลที่สามารถช่วยทีมได้มากเช่นกัน โดยเฉพาะสกิล Healing Ward ที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้ยูนิตฝ่ายเราทุกตัวที่อยู่ในระยะสกิล เรียกได้ว่าช่วยให้เพื่อนร่วมทีมได้เปรียบมากๆในจังหวะการปะทะกับคู่ต่อสู้ ถึงอาจจะเปลืองมานาค่อนข้างมาก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆสำหรับสายซัพพอร์ท


Crystal Maiden

Crystal Maiden




สกิล

Crystal Nova (V)
โจมตีใส่เป้าหมายแบบกลุ่มด้วยสกิลน้ำแข็ง มีผลทำให้เป้าหมายทั้งหมดที่อยู่ในผลของสกิล เคลื่อนที่และโจมตีช้าลง
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 100 หน่วย ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 30% และความเร็วในการโจมตี 20% เป็นเวลา 3.5 วินาที
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 150 หน่วย ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 30% และความเร็วในการโจมตี 20% เป็นเวลา 4 วินาที
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 200 หน่วย ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 30% และความเร็วในการโจมตี 20% เป็นเวลา 4.5 วินาที
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 250 หน่วย ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 30% และความเร็วในการโจมตี 20% เป็นเวลา 5 วินาที
Mana cost : 100/120/140/160  Cooldown : 10 วินาที

Forstbite (E)
แช่แข็งทำให้เป้าหมายไม่สมารถเคลื่อนที่หรือโจมตได้ชั่วขณะ และสร้างควาเสียหาย 70 ดาเมจ ต่อวินาที
Lv.1 - แช่แข็งเป้าหมาย 1.5 วินาที
Lv.2 - แช่แข็งเป้าหมาย 2 วินาที
Lv.3 - แช่แข็งเป้าหมาย 2.5 วินาที
Lv.4 - แช่แข็งเป้าหมาย 3 วินาที
Mana Cost : 115/125/140/150  Cooldown : 10 วินาที

Brilliance Aura (Passive)
เพิ่มอัตราฟื้นฟูค่า Mana ให้ยูนิตฝ่ายเดียวกันทั่วทั้งแผนที่
Lv.1 - ฟื้นฟู Mana จำนวน 0.5 ต่อวินาที
Lv.2 - ฟื้นฟู Mana จำนวน 1 ต่อวินาที
Lv.3 - ฟื้นฟู Mana จำนวน 1.5 ต่อวินาที
Lv.4 - ฟื้นฟู Mana จำนวน 2 ต่อวินาที

Freezing Field (F)
เรียกก้อนน้ำแข็งสุ่มลงมาโจมตีพื้นที่รอบๆตัว Maiden ศัตรูที่โดนจะได้รับความเสียหาย และลดความเร็วในการเคลื่อนที่ยูนิตศัตรูที่เข้ามาในระยะ แสดงผล 4 วินาที
Lv.1 - ความรุนแรงต่อครั้ง 105 ดาเมจ
Lv.2 - ความรุนแรงต่อครั้ง 170 ดาเมจ
Lv.3 - ความรุนแรงต่อครั้ง 250 ดาเมจ


หน้าที่ของฮีโร่
     หน้าที่ของ Crystal Maiden คือเกิดมาเพื่อเดิน Gank ครับ การกดดันคู่ต่อสู้จะช่วยทำให้เพื่อนเราเล่นสบายขึ้น และด้วยความรุนแรงและความมีประโยชน์ของสกิล เราแทบไม่ต้องมานั่งฟาร์มครีปเก็บเงินเลย เดิน Gank กับเพือ่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด เป็นฮีโร่สาย Int อีกตัวหนึ่งที่ต้องบอกลเยว่าถูกเลือกมาเล่นในการแข่งบ่อยมาๆ ถือว่าเป็นฮีโร่ที่สามารถเดิน Gank ได้ตั้งแต่ต้นเกมโดยที่ไม่ต้องสนใจไอเท็มอะไรมาก


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     หากโดนฝั่งตรงข้ามกด ไอเท็มที่เราสมควรจะออกก็ขอแนะนำ Magic Wand ส่วนใหญ่ฮีโร่ที่จะกดเราได้จะเป็นฮีโรสาย Int ด้วยกัน หรือไม่ก็เป็นฮรโร่ที่มีสกิลระยะโจมตีไกลๆ ตามด้วย Ring of Regeneration เพราะอาจจะไม่แพงเท่าไหร่และช่วยให้อยู่เลนเก็บเลวเวลได้อย่างต่อเนื่องในช่วงแรก หลังจากนั้นออก Boot of Speed เพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าทำหรือการหนีตายในเวลาโดน Gank

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท็มที่แนะนำสำหรับฮีโร่ตัวนี้เป็นอันดับแรกคือ Aghanim's Scepter เพราะจะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสให้เรามากพสมควร โดยพื้นฐานแล้วแต่ละสกิลของเราค่อนข้างใช้ Mana เปลืองมากๆไอเท็มชิ้นที่สองที่ควรออกขอแนะนำไอเท็มที่ช่วยให้เราถึงจุดปะทะได้เร็วขึ้นหรืออาจจะมีประโยชน์ในช่วงเวลาที่ต้องหนีตาย อย่างเช่น Kelen's Dagger of Escape หรือ Force Staff ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีข้อดีของตัวมันเองไอเท็มที่ตามมาหากออกได้ก็ควรออกไอเท็มที่เป็นประโยชน์กับทีมมากๆเช่น Guinsoo's Scrythe of Vyse และ Refresher Orb ส่วนไอเท็มปิดท้ายหากได้ Linken's Sphere จะดีมากๆ


เทคนิคการเล่น
     ในช่วงต้นเกมเราสามารถที่จะเดิน Gank กับเพื่อนได้เลยด้วยสกิลที่สามารถทำดาเมจกับเป้าหมายพร้อมทั้งสโลว์เป้าหมายด้วยสกิล Crystal Nova หรือสกิลที่ทั้งทำดาเมจและหยุดเป้าหมายได้ถึง 3 วินาที อย่างสกิล Frostbite จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเดิน Gank กับทีมในช่วงกลางเกมเป็นต้นไปสกิล Freezing Field ถือว่าเป็นจุดพลิกผันของเกมได้เลยเพราะสกิลนี้เป็นสกิลที่ขึ้นชื่อว่าแรงมากๆ หากคู่ต่อสู้โดนเต็มๆแล้วล่ะก็เรียกได้ว่ามีตายยกทีมได้เลยนะครับ



TANKER : เมื่อต้องชน!!
     Crystal Maiden ไม่สามารถจะเล่นเป็นตัวชนหรือตัวเปิดที่ดีได้  แต่มันจะทำได้ดีมากหากเอาไปใช้เล่นแบบ Ganker แนวใช้ไล่ฆ่าตามเลนเพราะเวลาที่ลุยแบบทีมแล้วตัวมันเองจะตกเป็นเป้าโจมตีและโดนฆ่าเอาได้ง่ายๆ แนวการเล่นของมันจะเน้นไปด้านสนับสนุนควบคู่ไปกับการโจมตีมากกว่า แต่หากต้องชนหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ออกไอเท็มป้องกันอย่าง Black King Bar เข้ามาเสริมเพื่อให้มีโอกาสร่ายสกิลโจมตีได้นานมากขึ้น หรืออาจจะใช้เป็น Kelen's Dagger ซึ่งจะค่อนข้างเหมาะมากกว่าการเล่น Ganker เพราะมันจะเสริมด้านการไล่ตามและเข้าประชิดเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     จุดเด่นหนึ่งของฮีโร่ตัวนี้คือการฆ่าเป้าหมายแบบกลุ่ม เพราะสกิลไม้ตายอย่าง Freezing Field ของมันนั้นสร้างความสามารถแบบวงกว้างได้อย่างดี อีกทั้งยังมีผลในการลดความเร็วของศัตรูที่โดนอีกด้วย มันเหมาะมากที่จะใช้คอมโบกับสกิลหยุดกลุ่มหรือคอยตามประกบตัวเปิดของทีมเพื่ออดสกิลซ้ำ นอกจากนี้สกิลโจมตีอย่าง Crystal Nova ก็เป็นตัวช่วยในการโจมตีได้อย่างดีเหมือนกันโดยจะมีสกิล Frostbite เป็นสกิลหยุด ทำหน้าที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้างจังหวะเข้าโจมตีได้

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     ถ้ามอกเรื่องของการซัพพอร์ททีมนั้น ผู้เล่นในทีมจะคาดหวังสกิล Frostbit อยู่มากเพราะสามารถหยุดเป้าหมายไว้ได้นานหลายวินาทีโดยที่ไม่สามารถโจมตีสวนกลับได้ผลของมันจะคล้ายกับสตั้น แต่ให้ผลการหยุดที่ค่อนข้างนานกว่า สกิลนี้ใช้ได้ทั้งจังหวะเข้าโจมตีและจังหวะหลบหนี แนวการเล่นส่วนใหญ่นั้นหากเป็นต้นเกมถึงกลางเกมมันจะเล่นได้ง่ามาก และสกิล Freezing Field จะเป็นไม้ตายที่หวังผมได้แทบตลอดแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงท้าเกมอล้วเราจะเปลี่ยนบทบาทมาเล่นเป็นตัวซัพพอร์ทโดยตรง ออกไอเท็มเน้นสกิลขึ้นมา และสกิลไม้ตาายของเราก็จะใช้ยิงเพื่อโจมตีซัพพอร์ทในระยะไกล

Beast Master

Beast Master




สกิล

Wild Axes (W)
ขว้างขวสนคู่ออกไปโจมตีศัตรูเป็นแนวตรงขวานแต่ละอันจะทำตาเมจต่อยูนิตแต่ละตัวเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
Lv.1 - ขวานแต่ละอันทำดาเมจ 90 แต้ม
Lv.2 - ขวานแต่ละอันทำดาเมจ 120 แต้ม
Lv.3 - ขวานแต่ละอันทำดาเมจ 150 แต้ม
Lv.4 - ขวานแต่ละอันทำดาเมจ 180 แต้ม  
Mana Cost : 120 Cooldown : 13 วินาที 

Call of the wild (D)
เรียกสัตว์ป่ามาช่วยในการต่อสู้ ยิ่งเลเวลสูงก็จะยิ่งมีอานุในการใช้งานนานขึ้น และสัตว์ป่าก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
Lv.1 - เรียกเหยี่ยวสอดแนมมาช่วย
Lv.2 - เรียกเหยี่ยวและหมูป่ามาช่วย
Lv.3 - เรียกเหยี่ยวระดับสูงและหมูป่ามาช่วย
Lv.4 - เรียกเหยี่ยวระดับสูงและหมูป่าระดับสูงมาช่วย

Inner beast (Passive) 
Rexxar จะปลดปล่อยพลังของสัตว์ร้ายภายในออกมาเพื่อสนับสนุนให้ตัวเองและยูนิตฝั่งเดียวกันโจมตีเร็วขึ้น
Lv.1 - ตัวเองและยูนิตฝั่งเดียวกันโจมตีเร็วขึ้น 18%
Lv.2 - ตัวเองและยูนิตฝั่งเดียวกันโจมตีเร็วขึ้น 26%
Lv.3 - ตัวเองและยูนิตฝั่งเดียวกันโจมตีเร็วขึ้น 32%
Lv.4 - ตัวเองและยูนิตฝั่งเดียวกันโจมตีเร็วขึ้น 40%

primal Roar (V)  
คำรามก้องใส่เป้าหมาย ทำให้เป้าหมายได้รับดาเมจและมึนงงในชั่วระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ยังเกิดคลื่นเสียงกระแทกศัตรูในเส้นทางให้กระเด็นออกด้านข้าง และเคลื่อนที่ช้าลงไปชั่วระยะเวลาหยึ่ง
Lv.1 - เป้าหมายได้รับดาเมจ 200 แต้ม และสตั๊น 3 วินาที ศัตรูในเส้นทางได้รับดาเมจ 100 และสดลว์ 2 วินาที
Lv.2 - เป้าหมายได้รบดาเมจ 250 แต้ม และสตั๊น 3.5 วินาที ศัตรูที่อยู่ในเส้นทางได้รับดาเมจ 200 แต้มและสโลว์ 3 วินาที
Lv.3 - เป้าหมายได้รับดาเมจ 300 แต้ม และสตั๊น 4 วินาที ศัตรูที่อยู่ในเส้นทางได้รับดาเมจ 300 แต้ม และสโลว์ 4 วินาที



หน้าที่ของ  Beast Master 
    ให้มองไปที่การเล่นเป็นตัว Ganker ให้กับทีม ในรูปแบบของตัวเปิดจากสกิลที่มีนั้นสามารถใช้พวกซัมมอนเข้าช่วยเหลือเวลาโจมตี หรือใช้สกิลสร้างความเสียหายจากระยะไกลได้ดี โดยสิ่งที่ทำให้มันมีหน้าที่เป็นตัวเปิดและสร้างจังหวะชัดเจนมากที่สุดคือสกิลไม้ตายของมันเองที่สามารถเปิดเส้นทางและทำให้กลุ่มศัตรูที่อยู่ในระยะได้รับผลพร้อมหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด 
    ในกรณีที่โดนกดนั้นการเก็บเงินซื้อไอเท็มราคาแพงชิ้นใหญ่อาจเป็นเรื่องยากดังนั้นให้มองไปที่ไอเท้มระดับสูงแต่ผสมได้ง่ายกว่า ชิ้นที่อาจจเหมาะกับการใช้ช่วงโดนกดคือ Necronomicon เพราะเป็นไอเท็มที่ให้ซัมมอนออกมาให้เราควบคุมเพิ่มเติมอีก และยังใช่ไล่กดดันศัตรูรวมถึงฟาร์มได้ดีด้วย ส่วนไอเท็มเน้นโจมตีที่อาจจะผสมง่ายหน่อยเลือก Sange and Yasha ก็ได้ เพราะมันให้ความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการโจมตีพร้อากับเอฟเฟคพิเศษเข้ามาด้วย

การออกไปเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
      ไอเท็มช่วงท้ายเกมนั้นมีหลายชิ้นที่น่าสนใจ แต่เราจะแนะนำให้เลือกพวกที่ออกมาเพื่อเน้นการโจมตีไปเลยแต่ถ้าจะเน้นเร่องที่ดูจะมีประโยชน์ต่อทีมด้วยอาจจะเริ่มจาก Assault Curiass ก่อน เพราะไอเท้ฒนี้มันช่วยเพิ่มพลังป้องกัน ออร่าพิเศษออกมาและการเพิ่มความเร็วในการโจมตีจำนวนมากทำให้เหมาะกับคอมโบสกิลของมันเองด้วยนอกจากนี้ให้เลือกออกไอเท็มในการสร้างความเสียหายแรงๆ อย่าง Monkey King Bar หรือไม่ก็ Radiance ก็ได้เหมือนกันในช่วงท้ายเกมนั้นหากจะเปลี่ยนแนวการออกไอเท็มแนะนำให้ลองมอง Guinsoo's Scythe of Vyse ดูเพราะจะมีสกิล Hex เอามาไว้ไล้ฆ่าศัตรูและช่วยในเรื่องของ Mana ทำให้มีผลใช้งานๆด้ยาวๆ ลุยได้ต่อเนื่องขึ้นด้วย



เทคนิคการเล่น
      รูปแบบการเล่นนั้นโดยส่วนใหญ่จะเน้ยให้มันเป็นตัวเปิดเกมให้กับทีมจากสกิลที่สามารถเข้าทำได้ในระยะไกล ถ้าเป็นในช่วงต้นเกมนั้นสกิลเหล่านี้จะใช้ในการ Ganker ได้ดีมาก เพราะมันมีผลกว้างและได้ความเสียหายสูง อีกหนึ่งเทคนิคการเล่นที่ผู้เล่นควรจะฝึกการใช้งานเอาไว้ก็คือพวกซัมมอนทั้งสองของ Beast Master เพราะถ้าควบคุมดีๆ แล้วล่ะก็พวกมันจะมีประโยชน์ต่อการเล่นมากไม่ว่าจะเป็นการใช้สอดแนมหรือประจำจุดซุ่มดูความเคลื่อนไหวของศัตรูและช่วยโจมตีเสริมอีกแรง จุดที่ควรจำเอาไว้ก็คือแม้จะมีสกิลที่เข้าทำระยะไกลได้ แต่การโจมตีของมันเองกับเป็นระยะประชิด ทำให้ต้องใช้เวลาในการเข้าปะชิดเป้าหมายพอสมควร ดังนั้นการลุยเดียวอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะสุดท้ายเราต้องเป็นคนวิ่งไล่โจมตีอยู่ดี ดังนั้นหาทีมมาช่วยหยุดเป้าหมายได้ด้วยจึงจะถือว่าดีกว่าแน่นอน เพราะไม่ต้องเสียเวลาไล่และยืนโจมตีต่อเนื่องได้เต็มที่



TANKER : เมื่อต้องชน!!
     จัดว่าเป็นฮีโร่ที่มีแนวทางการเล่นที่สามาถหลายรูปแบบทั้งแท็งค์และ Gank หรือฮีโร่ดาเมจ สำหรับการเล่นฮีโร่ตัวนี้ในรูปแบบการแท็งค์เราก็สามารถทำได้ เพราะตัวเราเองก็มีสกิลไว้เพื่อโจมตีอย่างสกิล Wild Axes ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการฟาร์มและการกดดันศัตรูนเลน 

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ด้วยสกิล Inner Beast ซึ่งจะช่วงเพิ่มความเร็วในการโจมตีให้กับเราแล้ว เมื่อบวกกับการออกไอเท็มเพื่อเป็นฮีโร่ดาเมจของทีมแล้วยิ่ง ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของตัวเรามากขึ้น ไหนจะสกิล Call of the Wild ซึ่งหมูป่าที่เราเรียกออกมานั้นจะช่วยลดความเร็วในการเคื่อนที่ของเป้าหมายให้หนีไม่ออกอีกด้วย

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     สำหรับการซัพพอร์ททีมนั้นสกิล Primal Roar สามารถใช้ใการเปิดการปะทะของทีมได้เป็นอย่างดีอีกทั้งสามารถช่วยในการ Gank และยังสามารถช่วยเพื่อนของเราได้ในอีกหลายๆจังหวะก็ถือว่าเป็นสกิลที่สร้างความได้เปรียบให้กับทีมได้เป็นอย่างมาก 
 


Admiral

Admiral




สกิล

Torrent
สร้างกระแสน้ำยังจุดที่กำหนด เมื่อผ่านไป 2 วินาทีจะทำให้เกิดน้ำพุอัดขึ้นมาจากพื้นดิน กระแทกศัตรูที่อบู่ในพื้นที่ขึ้นไปบนฟ้า เมื่อตกลงมาจะได้รับดาเมจจากแรงกระแทก และเคลื่อนที่ช้าลง 35% ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
Lv.1 - สโลว์ 1 วินาที สร้างความเสียหาย 120
Lv.2 - สโลว์ 2 วินาที สร้างความเสียหาย 180
Lv.3 - สโลว์ 3 วินาที สร้างความเสียหาย 240
Lv.4 - สโลว์ 4 วินาที สร้างความเสียหาย 300

Tidebringer
ดาบ Tidebringer ของ Admiral! เมื่อโจมตีจะปลดปล่อย Aura เพิ่มโบนัสดาเมจและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง รัสมีการทำลายจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของสกิล เมื่อปลดปล่อยพลังงานไปครั้งหนึ่งแล้วจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการสะสมพลังงานขึ้นมาใหม่
Lv.1 - เพิ่มโบนัสดาเมจ 15 แต้ม ใช้เวลาการสะสมพลังงานใหม่ 13 วินาที มีรัสมีการทำลาย 500 AoE
Lv.2 - เพิ่มโบนัสดาเมจ 30 แต้ม ใช้เวลาการสะสมพลังงานใหม่ 10 วินาที มีรัสมีการทำลาย 500 AoE
Lv.3 - เพิ่มโบนัสดาเมจ 45 แต้ม ใช้เวลาการสะสมพลังงานใหม่ 7 วินาที มีรัสมีการทำลาย 500 AoE
Lv.4 - เพิ่มโบนัสดาเมจ 60 แต้ม ใช้เวลาการสะสมพลังงานใหม่ 4 วินาที มีรัสมีการทำลาย 500 AoE

X Marks the Spot
เลือกฮีโร่เป้าหมายและทำเครื่องหมายกากบาทอยู่ เมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งฮีโร่นั้นจะถูกวาร์ปตอนไหนก็ได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้
Lv.1 - วาร์ปกลับมายังเครื่องหมายภายใน 1 วินาที ระยะร่าย 500
Lv.2 - วาร์ปกลับมายังเครื่องหมายภายใน 2 วินาที ระยะร่าย 650
Lv.3 - วาร์ปกลับมายังเครื่องหมายภายใน 3 วินาที ระยะร่าย 800
Lv.4 - วาร์ปกลับมายังเครื่องหมายภายใน 4 วินาที ระยะร่าย 950

Ghost Ship
เรียกเรือผีมายังพื้นที่ที่เรากำหนด ซึ่งจะบัฟให้กับเพื่อนในทีมของเราทุกคน ในเส้นทางที่เรือแล่นผ่าน ทำให้วิ่งเร็วขึ้น 30% และรับความเสียหายน้อยลงกว่าปกติ 50% ส่วนศัตรูที่อยู่ในจุดที่เรือแล่นล่มจะได้รับดาเมจรุนแรงและสตั้นไปขั่วระยะเวลาหนึ่ง
Lv.1 - บัฟมีเวลานาน 8 วินาที สร้างความเสียหาย 300 ดาเมจ
Lv.2 - บัฟมีเวลานาน 8 วินาที สร้างความเสียหาย 400 ดาเมจ
Lv.3 - บัฟมีเวลานาน 8 วินาที สร้างความเสียหาย 500 ดาเมจ


หน้าที่ของฮีโร่
หน้าที่ของ Admiral เป็นฮีโร่ที่จะเน้นการช่วยเพื่อน Gank ซะส่วนใหญ่ เพราะด้วยสกิลหลายๆอย่าง เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มโอกาสในการสังหารให้แก่ทีมได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงจังหวะการปะทะหนักๆซึ่งหน้าที่ช่วงต้นเกมถึงกลางเกม ฮีโร่ตัวนี้ต้องทำหน้าที่ในการเป็น Ganker เป็นหลัก แต่หากเป็นช่วงเกือบๆท้ายเกมแล้วออกไปเท็มแรงๆ ได้ล่ะก็ หน้าที่ของฮีโร่ตัวนี้อาจต้องรับหน้าที่เป็นตัวไล่สังหารของทีมก็ได้เช่นกันครับ


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด
     ในกรณีที่โดนกดให้เน้นทำไอเท็มเป็นสายอึดไปเลย ก็ได้ครับ เพราะอย่างน้อยจังหวะปะทะเราอาจจะต้องรับหน้าที่เป็นตัวชนและเปิดให้แก่ทีม ดังนั้นควรออกไอเท้มที่เน้น HP เอาไว้ ในกรณีที่ตัวเรานั้นโดนกดจนออกของทำดาเมจไม่ได้ในช่วงแรก โดยไอเท็มที่แนะนำมีดังต่อไปนี้ Bracer และ Vanguard หรือถ้าอีกฝ่ายมีพวก Nuker ที่มีสกิลแรงๆก็อาจจะหันมาทำไอเท็มที่สนับสนุนทีมอย่าง Khadgar's Pipe of Insight ก็ได้เช่นกัน

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     ไอเท้ฒที่เหมาะสำหรับช่วงกลางเกมถึงท้ายเกมขอให้เน้นทำไอเท็มที่ช่วยทีมและยืนสู้ได้เช่น Black King Bar และของเพิ่มเลือดต่างๆเช่น Heart of Terrasque แต่หากสามารถฟาร์มได้เยอะ และมีเงินพอก็ให้ซือไอเท็มดีๆ เพื่อเพิ่มดาเมจอย่าง ๆ Battle Fury , Butterfly , Buriza-do kyanon ที่จะทำให้เราเป็นฮีโร่สังหารแบบเต็มตัวก็ดีเช่นกันครับ


เทคนิคการเล่น
     เนื่องจาก Ghost Ship เป็นสกิลไม้ตายที่สร้างความเสียหายได้ไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก แต่จุดเด่นของสกิลนี้คือทันทีที่เรียกใช้สกิลยูนิตฝ่ายเราทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางของสกิลจะได้รับบัฟทำให้วิ่งเร็วขึ้น 30% ชั่วขณะ และรับความเสียหายน้อยลงกว่าปฟติ 50% ชั่วขณะ ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ใกล้จุดที่เรือพุ่งชนจะได้รับสถานะสตั้น นั่นหมายความว่า เราสามารถวิ่งเข้าถึงตัวฝ่ายตรงข้ามได้แน่นอน แต่จะใช้บ่อยๆเหมือนสกิลทั่วไปก็คงไม่ได้ และเพื่อการใช้สกิลให้ได้ผลมากที่สุด ผู้เล่นควรกะจังหวะในการใช้สกิลให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางของเรื่อที่พุ่งไปมียูนิตฮีโร่ฝ่ายเราจะได้รับผลบัฟหรือไม่? จุดที่เรือจะชนนั้นอยู่ตรงไหน? เราจะตามทันไหม? สิ่งเหล่านี้ควรกะระยะให้ดีก่อนใช้สกิล เพราะเพียงฝ่ายตรงข้ามหลบออกนอกเส้นทางของเรือก็จะไม่ได้รับผลใดๆแล้ว ฉะนั้นการใช้สกิลจึงไม่ควรใช้ในระยะที่ห่างเกินไป เพราะปกติฝ่ายตรงข้ามเห็นเรือพุ่งมาก็วิ่งหลบกันแล้ว


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     จัดว่าเป็นฮีโร่ที่มีแนวทางการเล่นค่อนข้างหลากหลาย ด้วยความที่มีสกิลส่วนใหญ่ที่เน้นเพื่เปิดจังหวะปะทะให้กับทีม เราซึ่งเป็นฮีโร่สาย Str ควรต้องออกไอเท็มหลักๆไปทางสายแท็งค์เพื่อเน้นถึกและอาศัยจังหวะในการเปิดสกิล Ghost Ship ให้กับเพื่อนร่วมทีม


DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ด้วยสกิล Tidebringer ซึ่งถือว่าเป็นสกิลที่ช่วยให้เราโจมตีได้อย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงต้นเกม อีกทั้งยังช่วยกดดันศัตรูที่อยู่ในเลนจนถึงการกดดันเลนเพื่อโจมตีเอา Tower ฮีโร่ตัวนี้จึงสามารถเป็นฮีโร่ดาเมจได้อย่างดี

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!!
     สำหรับการซัพพอร์ททีมนั้นสกิล Marks the Spot จะช่วยให้เราดึงศัตรูในจังหวะที่เราไล่ล่า หรือจังหวะที่เพื่อนโดนไล่ฆ่าสกิลนี้จะสามารถช่วยชีวิตเพื่อนเราได้อย่างแน่นอน หรือเราอาจจะเอาไว้ใช้คอมโบกับสกิลต่างๆ ที่เรามีอยู่ก็สามารถทำได้ครับ


Sniper

Sniper




สกิล

Sharpnel (R)
ยิงกระสุนกระจายขึ้นไปบนอากาศเพื่อโจมตีเป้าหมายบริเวณนั้นระยะ 350 ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเกิดความเสียหายและสโลว์อ่างต่อเนื่องสร้างความเสียหาย 30% แก่สิ่งก่อสร้างและวามเสียหายจะคงอยู่ในพื้นที่นั้นนาน 8 วินาที
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 12 หน่วยต่อวินาที สโลว์ 15%
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 24 หน่วยต่อวินาที สโลว์ 20%
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 36 หน่วยต่อวินาที สโลว์ 25%
Lv.4 - สร้างความเสียหาย 48 หน่วยต่อวินาที สโลว์ 30%  
Mana Cost : 120 Cooldown : 15 วินาที

Headshot (Passive)
มีโอกาสที่จะทำความเสียหายมากกว่าปกติและทำให้เป้าหมายติดมินิสตั้นชั่วขณะ
Lv.1 - เพิ่มโบนัสความเสียหาย 30 หน่วย มีโอกาสติดมินิสตั้น 25%
Lv.2 - เพิ่มโบนัสความเสียหาย 40 หน่วย มีโอกาสติดมินิสตั้น 30%
Lv.3 - เพิ่มโบนัสความเสียหาย 50 หน่วย มีโอกาสติดมินิสตั้น 35%
Lv.4 - เพิ่มโบนัสความเสียหาย 60 หน่วย มีโอกาสติดมินิสตั้น 40% 

TakeAim (Passive)
ปรับแต่งปืนไรเฟิลให้มีระยะการยิงที่ไกลขึ้นกว่าปกติ
Lv.1 - เพิ่มระยะการยิงไหลขึ้น 65 Range
Lv.2 - เพิ่มระยะการยิงไหลขึ้น 130 Range 
Lv.3 - เพิ่มระยะการยิงไหลขึ้น 195 Range 
Lv.4 - เพิ่มระยะการยิงไหลขึ้น 260 Range    

Assassinate (T) 
ล็อกเป้าหมายและโจมตีจากระยะไกล ทำความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเป้าหมาย
Lv.1 - สร้างความเสียหาย 355 หน่วย ระยะไกลสุด 1500 Range
Lv.2 - สร้างความเสียหาย 505 หน่วย ระยะไกลสุด 2000 Range
Lv.3 - สร้างความเสียหาย 655 หน่วย ระยะไกลสุด 2500 Range 

 
หน้าที่ของฮีโร่
     หน้าที่ของ Sniper คือเวลาที่เราอยู่ในเลนเราสามารถใช้ระยะยิงของเราในการกดดันคู่ต่อสู้ ส่วนหน้าที่ของเราเวลาที่เพื่อนปะทะ Sniper สามารถใช้สกิล Sharpnel ที่มีผลทำให้ศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ช้สกิลของ Sniper ติดสโลว์แล้วใช้ระยะยิงของเราโจมตีจากระยะไกล หากมีฝั่งตรงข้ามใกล้จะตายเราสามารถใช้สกิล Assassinate เพื่อตามเก็บได้ในทันที


การออกไอเท็มในกรณีที่โดนกด 
     Sniper เป็นฮีโร่ที่ค่อนข้างโดนกดยาก ด้วยระยะการโจมตีของเราที่ไกลศัตรูแล้ว ยิ่งถ้าอัพสกิล Take in ซึ่งจะเพิ่มระยะโจมตีไปอีกจะทำให้เราเก็บเลเวลได้ง่ายขึ้นหากรักษาระยะโจมตีได้ดี รับรองว่าไม่โดนกดตามเลนแน่นอนครับ แต่ถ้าหากกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สกิลในการดันครีปหรือมีดาเมจที่มากกว่าเราทำให้การ Last Shot ครีปของเราเป็นไปได้ยาก ช่วงแรงไอเท็มที่ควรจะพยายามออกให้ได้ก็เห็นจะเป็น Wraith Band สัก 2 อัน Magic Wand สักอัน

การออกไอเท็มในกรณีที่ไม่โดนกด
     มีปัญหาใหญ่ของ Sniper เลยคือ เราไม่มีสกิลเอาตัวรอดเลย นอกจากสกิล Shrapnel ที่พอจะสโลว์ศัตรูได้บ้าง แต่ถึงกระนั้น Sniper เป็นฮีโร่ที่เลือดน้อยมากๆ หากโดน Gank บ่อยๆเราก็อาจจะออกไอเท็มไม่ได้อย่างที่คิดตลอดทั้งเกมส์ เพราะฉะนั้นไอเท็มชิ้นแรกที่เราควรนึกถึงเลยคือ Lothar's Edge หรือ Force Staff ก็จะช่วยให้เราหนีได้ หลังจากนั้นก็ออก Yasha เพื่อที่จะทำเป็น Manta style ออก Buriza-do Kyanon เพื่อเพิ่มดาเมจหันกๆ ตามด้วย Helm of Dominatoy ปิดท้ายด้วย The Butterfly แค่นี้ก็สุดๆแล้วครับ


เทคนิคการเล่น
     Sniper เป็นฮีโร่ที่เก็บเงินค่อนข้างง่ายหากเราพอจะมีฝีมือในการ Last Shot ครีปเพราะเป็นฮีโร่ที่โจมตีค่อนข้างแรงตั้งแต่ต้นเกมส์ และด้วยระยะยิงที่ค่อนข้างไกลถึงไกลมากเราจึงสามารถกดดันฝั่งตรงข้ามได้ด้วยการยิงถอยๆ ตอดทำดาเมจทีละนิด และทำให้ฝั่งตรงข้ามป่วนจนไม่สามารถเก็บเงินได้อย่างสบาย ส่วนเวลาคอมโบกับเพื่อนนั้น ส่วนใหญ่เราจะถูกหมายหัวเป็นอันดับต้นๆ เพราะฆ่าง่ายเลือดน้อย แต่ถ้าหากมีเพื่อนที่สามารถปกป้องเราจนคู่ต่อสู้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเราได้ละก็เราะจจัดเป็นตัวทำดาเมจชั้นดีเลยล่ะครับ หากมีฮีโร่ฝั่งตรงข้ามใกล้ตายในการปะทะ เราก็จัดการส่งกลับบ้านด้วยสกิล Assassinate ได้ทันทีเพราะสกิลนั้นแรงมากและระยะสกิลก็ไกลมากๆด้วยครับ


TANKER : เมื่อต้องชน!!
     โดยรวมแล้วฮีโร่ตัวนี้ น้อยคนที่จะเล่นสายแท็งค์ เพราะส่วนใหญ่ที่เล่นจะออกของเน้นไปทางดาเมจเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่า Sniper จะออกของสายถึกไม่ได้ เพราะด้วยสกิลที่มีอยู่อย่างเช่น Headshot ก็เป็นสกิลที่เสริมความแรงในการโจมตีอยู่แล้ว หาร Sniper ออกของที่เสริมความถึงเข้าว่า การยืนแลกกับเราคู่ต่อสู้อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็เป็นได้

DAMAGE : เมื่อต้องเฉียด!!
     ถ้าจะพูดถึงฮีโร่ที่โจมตีอย่างหนักหน่วงและรุนแรง Sniper ก็ถือว่าเป็นฮีโร่ที่อยู่ในระดับแนวหน้าอีกตัว ด้วยสกิลที่มีอยู่ซึ่งเน้นเสริมความสามารถในการโจมตีโดยเฉพาะสกิล Take Aim ที่จะช่วยเพิ่มระยะการโจมตีให้ Sniper ได้ไกลมากๆ เรียกว่ากว่าจะรู้ตัวกว่าจะถึง ก็คงเจ็บหนักแบบที่ว่าคิดจะวิ่งหนีก็คงไม่ทันแล้ว

SUPPORT : เมื่อต้องช่วย!! 
     ฮีโร่ตัวนีสามารถซัพพอร์ททีมได้เป็นอย่างดี ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกมส์ เพราะสกิล Shrapnel ที่สามารถสร้างความเสียหายไปพร้อมๆกับทำให้ศัตรูที่อยู่ในระยะสกิลเคลื่อนที่ช้าลงถือว่าเป็นสกิลที่ใช้ได้ดีในจังหวะปะทะมากๆเลยครับ ทั้งจังหวะบวกของทีมหรือจังหวะที่เพื่อนถูกไล่ล่าจากคู่ต่อสู้